17 ตุลาคม 2558

มือใหม่หัดปลูกผักบุ้งจีน

วันนี้ (17 ตค.) ได้ฤกษ์ลงมือเตรียมปลูกผักบุ้งจีน ที่ซื้อเมล็ดพันธ์ุมาเก็บไว้เมื่อประมาณสักเดือนหนึ่งที่ผ่านมาได้ซะที ตอนแรกคิดว่าจะปลูกที่ห้องพัก สุดท้ายก็เปลี่ยนใจปลูกมันลงดินที่บ้านนอกของเราดีกว่า

เมื่อคิดได้แบบนี้ก็ลงมือกันเลย....คำเตือน!!! การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนโปรดศึกษารายละเอียดและข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน  เจ้าคำเตือนนี่แหละตัวดี เพราะมันทำให้ 30% หยุดทันที อีก 30% ลังเล และอีก 30% ลงมือทำ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ เพราะฉะนั้นขออ่านคำเตือนหลังห่อเมล็ดพันธ์ุก่อน

mygrandmam.blogspot.com
เขาบอกไว้ว่า "เพื่อรักษาความงอกของเมล็ดพันธ์ุเป็นไปตามมาตรฐานที่ระบุ ควรเก็บที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียส และความชื้น 50%  (หาาาาาา!!) เมล็ดพันธ์ุในภาชนะถูกบรรจุภายใต้เงื่อนไขที่รักษาความงอกตามมาตราฐานที่ระบุ (อ่อ...โล่ง...!) ถ้าภาชนะถูกปิดหรือมีรอยรั่ว ความงอกและอายุการเก็บจะลดลงตามสภาพแวดล้อม จึงควรรีบใช้เพาะปลูกทันที (งั้นยังไม่เปิด)



อ่านเรียบร้อยอย่าเพิ่งใจร้อนฉีกห่อเมล็ดพันธุ์น่ะ....ไปหาที่ปลูกดูก่อนว่าจะไหวไหม แล้วค่อยมาฉีกห่อเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำก็ยังไม่สาย...คิดแล้วก็เดินไปในสวน แม่กำลังผสมดินอยู่ สอบถามแม่สักนิดว่าจะปลูกผักบุ้งตรงไหนได้...แม่ก็เลยชี้ไปที่แปลงเตรียมดินเก่าของแม่ที่ยังไม่ได้ปลูกอะไร แต่ใส่ปุ๋ยไว้แล้ว...ว้าวๆ ทุนแรงไปได้อีกหน่อย ที่นี้ก็ลงมือพรวนดิน...อันที่จริงก็จะมีส่วนที่เบาแรงพรวนหน่อยก็ตรงที่แม่เตรียมไว้แล้ว เพราะดินยังเพิ่งเริ่มจะจับตัวกันจึงไม่แน่นมาก ส่วนที่ต้องลงแรงมากก็ตรงพื้นที่เพิ่มขยาย แดดร้อนเวลา 10 โมงกว่าๆ ทำเราแทบถอดใจ....แต่ความสำเร็จต้องการความสม่ำเสมอ ถ้าเรายกจอบฟันไปเรื่อยๆ มันก็จะเสร็จ ถ้าร้อนมากก็มาหลบแดดใต้ต้นมะละกอสักแป๊บ แล้วลงมือใหม่ จนสุดท้ายก็สำเร็จ

mygrandmam.blogspot.com

แปลงปลูกขนาดประมาณ 3 ตารางเมตรน่าจะพอสำหรับเมล็ดพันธ์ุ 1 ห่อ ที่มีประมาณ 397 เมล็ด (แอบใส่ประมาณลงไปเพราะเกรงว่าจะมีการนับตกหล่น) ตอนนี้เราก็ปล่อยให้มันถูกแดดเผาไปก่อน พรุ่งนี้ตอนเย็นถึงจะเอาเมล็ดพันธุ์มาหว่าน

ต่อมาก็มาถึงขั้นตอนฉีกห่อเมล็ดพันธุ์ ขอนับหน่อยว่ามีกี่เมล็ด ก็ได้จำนวนตามที่รายงานไปแล้วข้างต้น แม่ผ่านมาบอกว่าเอาแป้งมาโรยด้วยสิป้องกันมด แต่เราว่าจะเอาแช่น้ำ แม่เลยว่างั้นเอาจุลินทรีย์หน่อกล้วยมาหยดลงไปสัก 1-2 หยด

mygrandmam.blogspot.com
เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน

หลังหยดจุลินทรีหน่อกล้วยลงไปแล้ว

mygrandmam.blogspot.com

เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการเตรียมปลูกผักบุ้งจีนแบบมือใหม่หัดปลูกค่ะ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรจะค่อยๆ เอามาอัพเดทให้อ่านกันใหม่ อายุเก็บเกี่ยวของมันจะอยู่ประมาณ 20 ถึง 30 วันเอง..เร็วดีจัง
 ...................................................................................................................................................................

เย็นวันอาทิตย์ (18  ตค.) นับจากเวลาที่เอาเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำก็ประมาณ 30 ชม.


จากรูปจะเห็นว่ามีบ้างเมล็ดที่แตกตาขาวๆ ออกมาแล้ว บางเมล็ดก็ขยายขนาด แต่บางเมล็ดนั้น ยังคงสภาพเดิม ซึ่งมีเยอะซะด้วยสิ

เอาไปโรยลงแปลงที่เตรียมไว้เรียบร้อย ที่แรกคิดว่าแปลงจะเล็กไป แต่พอโรยเมล็ดแล้วมันก็โอเคล่ะ
.............................................................................................................................................................

1 สัปดาห์ ผ่านไปวันอาทิตย์ (25 ตค.) เราก็ได้เห็นต้นผักบุ้ง โชว์ใบสีเขียวบวกลำต้นยาวเหนือแปลงปลูกประมาณ 5 cm. ปลื้มปริ่มทีเดียวค่ะ


จากภาพจะเห็นว่าระยะห่างพอสมควร ด้วยความตั้งใจนั่นเอง เพราะอยากให้แต่ละต้นสามารถเติบโตได้เต็มที่  บางต้นก็ยังมีเปลือกเมล็ดติดอยู่ที่ปลายใบอยู่เลย ส่วนบางเมล็ดนั้น เพิ่งจะเริ่มแตกตาออกมา...ในความเข้าใจคิดว่า น่าจะเป็นพวกเมล็ดที่ไม่ยอมพองตัว ตอนที่เราแช่น้ำนั่นแหละ

และแล้ว ตอนเย็น แม่บอกให้พี่ชายตัดยอดต้นไม้ที่อยู่ในระยะ 3-4 เมตร ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่ามันจะมีผลอะไรต่อแปลงผักของเรา จนกิ่งที่อยู่ตรงกลางต้น มีความสูงมากกว่ากิ่งอื่น ล้มลงมาทางแปลงผักของเรา


สภาพที่เห็นในภาพนี้คือหลังจากรีบมาดูแปลงผัก และลากกิ่งไม้ออกมากองแล้วน่ะ ในช่วงอารมณ์ก่อนนั้นไม่คิดถ่ายภาพจริงๆ เพราะสมองมุ่งมองเห็นแต่แปลกผัก ที่ถูกกิ่งไม้ทับ ล้มบ้าง เละบ้าง 

เมื่อเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้ว


พบว่าตะไคร้เสียหายไปครึ่งหนึ่ง เราเลยเอามีดมาตัดใบมันออกซะ
ส่วนต้นกล้วยต้นนี้ หักเลย จากความเป็นจริง กิ่งไม้จะหักลงมาในทางนี้ แต่มันมีต้นกล้วยต้นนี้ขว้างอยู่ เมื่อต้นกล้วยรับแรงกระแทกจากกิ่งไม้ไม่ไหว ก็เลยโค่นล้ม ไปทางต้นตะไคร้ ซึ่งอยู่ในทิศเฉียง 45 องศา จากภาพ.. ส่วนภาพนี้ด้านบนที่เห็นเป็น ตาข่าย คลุมอยู่ก็คือแปลงผักบุ้งของเรา รอดไปอยแบบฉิวเฉียดทีเดียว
............................................................................................................................................................
สัปดาห์ที่ 2 แล้วน่ะค่ะ วันอาทิตย์ที่ 1 พย.


จากรูปดูมันจะมีพื้นที่รอบตัวมากเกินไป ครั้งหน้าจะต้องใช้เมล็ดผักบุ้งสัก 2 ห่อ...จากการประมาณด้วยสายตา จริงๆ พยายามจะนับแล้วว่ามันขึ้นมากี่ต้น แต่ไม่รอดค่ะ เลยใช้วิธีการนับแบบคร่าวๆ น่าจะได้สัก 250-300 ต้น จากเมล็ดทั้งหมดประมาณ 397 เมล็ด หรือ ประมาณ 60-70 % ตอนเก็บจะลองชั่งกิโลอีกครั้งว่าได้สักเท่าไหร่....มีคอมเม้นต์ จากมาดาม...บอกว่า "ผักบุ้งเรา....ผอมมากกกก"






15 ตุลาคม 2558

ความสำเร็จต้องการความสม่ำเสมอ



ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดจนเติบโต เรายอมรับตรงนี้เลยว่าส่วนใหญ่เลือกใช้ชีวิตไม่ชิดขวาก็ติดซ้าย....เพียงเพราะอยากทุ่มเทให้กับอะไรเป็นเรื่องๆ...แต่ความสนใจของเรามันมีอายุสั้น เราชอบทิ้งและตัดสินว่ามันไม่สำเร็จ แล้วต่อมา..อีก 1 ปี 2 ปี 5 ปี ก็มีคนทำสำเร็จ พอเราไปอ่านประวัติเรื่องราวของเค้า...เฮ้ย เค้าเริ่มพร้อมๆ กันกะเราเลย แล้วเราก็มานั่งเสียดายเวลาที่ผ่านไป พร้อมกับการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ กับสิ่งที่คิดว่ามันจะดี สิ่งที่คิดว่ามันจะเหมาะกับเรา แล้วสุดท้ายก็ยังกำความสำเร็จอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะเราไม่สม่ำเสมอต่อความสนใจใดๆ เลย


เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ได้เจอเพื่อนเก่าในงาน Thailand research expo  มันคือก้าวแรกที่เราออกไปฟังสัมมนาข้างนอก ซึ่งพบว่างานนี้ได้ทำให้เราได้เห็นวิธีการทำงานที่แตกต่างจากที่เราพบเจอในหน่วยงานของเรา ข้อดี ข้อต่าง


อีกสิ่งหนึ่งคือเพื่อนที่เราไม่ได้เจอกันนานมาก เค้ามาทางสายธุรกิจเต็มๆ มีฟาร์มเป็นของตัวเอง และที่น่าสนใจคือเค้าหาความรู้อยู่ตลอดเวลา 

กบในกะลา, ยายจุ๋ม
แต่เราสิ..เป็นกบในกะลา..สนใจและพบเจออยู่แต่เรื่องในวงการตัวเองจนคิดว่านี้เป็นโลกทั้งใบ และถ้าเป็นธุรกิจล่ะ มันเป็นเรื่องที่ไกลแสนไกลจากความนึกคิดจนไม่เคยนึกถึงมันเลย พอคิดอยากทำอะไรขึ้นมาก็กลัวว่าถ้าสำเร็จแล้วจะต้องเหนื่อย มีลูกน้องให้ต้องรับผิดชอบ เกิดเบื่ออยากเลิกกิจการขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร แต่ถ้าไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นคนตกงานไม่มีรายได้ โลกแคบสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ?  เพราะเรามาสายรับจ้างไง สมองก็ถูกฝังชิพไว้ให้คิดแต่การทำงานพื่อให้ได้เงิน  เป็นมนุษย์เงินเดือน...มีเงินเก็บเพราะการออม ออมยังไม่พอก็ขอผ่อน จ่ายดอกเบี้ยกันไป ไม่เห็นอนาคตเบ่งบานหรอก แค่พอจะนึกออกว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเดือนที่เพิ่มเพียงเล็กน้อย สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นขนานกันไป...แบบนี้มันเรียกว่ามั่นคงแล้วใช่ไหม?  ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ให้ต้องตกหลุมตกร่องล่ะ?


การได้คุยกันกับเพื่อนเพียงเล็กน้อย แต่มันเหมือนคำใบ้ให้เราเข้าไปเจอกับสิ่งที่เราไม่เคยคิดถึง เราหาหนังสืออ่าน ดูบล๊อก ดูบทความที่หลายๆ คนเขียน เพื่อนบอกยังไม่พอ เธอควรจะออกไปฟังสัมมนา ไปดูว่าคนอื่นเค้ามีวิธีคิด วิธีทำกันอย่างไร แล้วผลที่ได้เป็นอย่างไร สิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำอ่ะ คนอื่นเค้าล้มกันมาก่อนแล้ว.....อึ้งไหมล่ะ??


คำพูดนี้ทำให้เราย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เราเคยอ่าน...เค้าบอกเวลาที่เราคิดอะไรได้ คนอื่นก็คิดได้ แล้วถ้าโทมัส อัลวาเอดิสันประดิษฐ์หลอดไฟไม่สำเร็จ เราก็จะได้ยินชื่ออื่นที่เป็นผู้ประดิษฐ์หลอดไฟแทน เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะคิดอะไร...มันไม่ได้เป็นสิ่งแรกที่ยังไม่เคยมีใครคิดหรอก...เฟสบุ๊คประสบความสำเร็จ แต่ไม่ใช่รายแรกที่ทำ มีอีก 5 จ้าวที่ทำเช่นกันแต่เฟสบุ๊คสำเร็จกว่า


ที่เราเขียนวันนี้เพราะเราอยากจะบอกให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาเจอหน้านี้สม่ำเสมอและหาความรู้กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ ถึงแม้มันจะยังไม่เกิดประโยชน์ในตอนนี้ แต่มันจะเกิดประโยชน์แน่ๆ ในสักวันนึง ขอแค่เราไม่ทิ้งมันแล้วมันก็จะไม่ทิ้งเราไปไหนเช่นกัน และถ้าหากเพื่อนๆ มีแนวคิดที่ดีๆ อยากแบ่งปันกันไว้ตรงนี้..ก็ขอรับไว้ด้วยความยินดีเช่นกันค่ะ

13 ตุลาคม 2558

ทำสิ่งที่รัก หรือรักสิ่งที่ทำ


เพื่อนเคยบอกเราว่าถ้าเลือกสิ่งที่รักไม่ได้ก็เลือกรักในสิ่งที่ทำ เราว่ามันดูเป็นคำปลอบโยน หรือการปลอบใจตัวเองมากกว่า คือถ้าอยากกินองุ่นแต่กินไม่ได้ ก็กินน้ำองุ่น 25 เปอร์เซ็นไปก่อนละกัน ดูเหมือนจะได้ แต่มันใช่หรอ??? เราอยากทำแบบนั้นจริงๆ หรอ ถามตัวเองซิ
 
ว่าเราอยากทำในสิ่งที่รัก หรือจะรักในสิ่งที่ทำ ??

รักสิ่งที่ทำ
1 เราอาจพลาดโอกาสในการพบกับสิ่งที่รักเพราะมัวงมอยู่กับสิ่งที่พยายามรัก
2 รักเพราะมีเหตุผลให้ต้องรัก มิใช่เพราะความรู้สึกรักซาบซึ้ง ยกเว้นวันหนึ่งเราจะตกหล่มรักมันจริงๆ แบบนี้ก็แจกแพ๊ต
3 ทำไปตามหน้าที่
4 ทำให้ดีตามที่มันควรจะเป็น
5 โหยหาว่าเมื่อไหร่จะไม่ต้องทำ...ถ้ามีความรู้สึกแบบนี้ก็จบเห่..ล่ะ

ทำในสิ่งที่รัก
1 มีความสุข
2 อยากจะเพิ่มเติมให้มันดีขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
3 อยากอยู่กับมัน
4 คิดถึงตลอดแม้ยามนอนยังฝันถึง
5 มันคือชีวิตที่เราไม่เคยคิดว่าเมื่อไหร่จะไม่ต้องทำ
6 ยามพบปัญหาจากเรื่องอื่นมันจะคอยปลอบ และเราจะคลายกังวลเมื่อได้อยู่กับมัน จนเหมือนกับว่าไม่เคยมีปัญหาใดๆ มาก่อนหน้านี้

เราอาจแพ้มาตลอด หลายเวที เอ็นไม่ติด แพ้รอบสุดท้ายการประกวดดีเจ ส่งดีโมไปรายการวิทยุทั้งหลายก็พากันเงียบ มีอยู่รายการหนึ่งคลื่นใหญ่ซะด้วยที่ติดต่อกลับมา..แต่เราก็ทำพลาดแบบที่สุด ของชีวิตเลย..ขอเก็บไว้กับตัวละกันสำหรับความผิดพลาดมหันต์ในครั้งนั้น..และ ขออาลัยให้กลับความเขลาในช่วงวัยนั้นแป๊บ...ต่อมาเราก็ทำรายการเล็ก แต่มันเป็นงานที่มีความสุขที่สุด จนสุดท้ายเราก็เสียมันไปในช่วงเกิดเหตุการณ์บ้านเมือง 

เราทำงานที่เรารักเพื่อเติมเต็มจิตวิญญาน พร้อมกับงานที่เราต้องรักเพื่อปัจจัยยังชีพ แต่โอกาสมันก็ไม่ได้มีอยู่แบบนี้ตลอดไป...



1 ตุลาคม 2558

อย่ารอช้า..ใครอยากรู้ร้าน H&M มีที่ไหนบ้าง??? ตามมาดูกันเลย

ร้าน H&M มีที่ไหนบ้าง ??? มาดูกันเลย


ยายจุ๋มจอมแสบ




































   


ยายจุ๋มจอมแสบขอนำเอาสาขาของร้าน H&M มาฝาก ปกติเราก็เดินเล่นอยู่แถวบางกะปิ เห็นร้านนี้เป็นประจำ ยังแอบเข้าใจว่า สาขาคงมาเยอะแยะ? (เข้าใจไปเอง...) จนมาเจอกับคำถามของยายจุ๋มที่ว่า ร้าน H&M มีที่ เดอะมอลล์ งามวงศ์วานไหม เดินหาทั้งห้างก็ไม่เจอ ถาม รปภ. ก็ดูจะงง เหมือนไม่เคยรู้มาก่อนว่าห้างเรามีร้านชื่อแบบนี้ด้วย พอคำถามมาถึงหู ก็เลยเกิดเป็นความสงสัยส่วนตัวขึ้นว่าแล้วร้าน H&M มันมีที่ไหนบ้าง???

งานนี้ เราก็เลยต้องส่งคำร้องไปที่พี่ Google เย้ย...มีคนถามเหมือนกันว่ามันเปิดที่ไหนบ้าง ห้างใหญ่ๆ อย่าง central ลาดพร้าวมีไหม? อันนี้ก็ผิดคาดไปหลายหลี้เลย เพราะที่ central ลาดพร้าวก็ไม่มี โชคดีของคนย่านบางกะปิ เราเคยเดินหลงเข้าไปยังได้เข็มขัดหนังเหม็นๆ มาเส้นละ 1 ร้อยบาท..(เดินหลงช่วงลดราคาจะน่าสนใจมาก) 

เอาละ สาขาของ H&M นั้น มีที่ไหนบ้าง
มีที่  ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 1 และ 2
       เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซนฟอรั่ม 
       เทอร์มินัล 21 ชั้น M
       เดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น 1
       เซ็นทรัลพลาซ่า บางนา ชั้น....?
       แฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา ชั้น 1
       เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ชั้น 1
       เซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ชั้น...?
       เซ็นทรัลเวสต์เกต บางใหญ่ ชั้น 1
       เดอะมอลล์ โคราช ชั้น...?
       เทอร์มินัล 21 โคราช ชั้น...?
       Bluport หัวหิน
       เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ชั้น 1

เมื่อเราได้ข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ก็เลยนำมาทำเป็นแผนที่ให้เพื่อนๆ ได้เห็นกันง่ายๆ ไปเลยว่ามันอยู่ที่ไหนบ้าง? ที่นี้เพื่อนๆ อยากไปสาขาไหนก็ตามสะดวกกันเลย และถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไรแจ้งมาแบ่งปันกันได้นะค่ะ

อัพเดทสาขา H&M 2019
      

23 กันยายน 2558

สถิติผู้ผ่านสอบ กพ. 58

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาอัพเดท แอบลุ้นผล กพ. แทนเพื่อผองน้องพี่อยู่นั่นเอง  เพื่อนๆ ที่สอบ กพ. ก็รอกันอีกหน่อย ใจเย็นๆ นะ

เมื่อก่อนตอนเราสอบครั้งแรกเลือกสมัครของปริญญาโท พอสอบผ่านแล้วกลับไม่เคยได้ใช้เลย เพราะวุฒิของเรามันเฉพาะเจาะจงมั้ง ไม่เห็นใครเปิดรับกันเลย พอจะสมัครสอบวุฒิปริญญาตรี ก็ระบุว่าต้องสอบผ่าน กพ. ในระเดียวปริญญาตรี เราก็ชวด เลยต้องไปสู้ในสนามปริญญาตรีอีกรอบ และก็คือครั้งที่เราสอบไม่ผ่านเสียด้วย แบบว่าประเมินข้อสอบ กพ.ผิดไปอะไรทำนองนั้น คิดว่าผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็น่าจะได้ แต่มันไม่ใช่ คนไทยอย่างเราก็ยังงงกับภาษาไทยอยู่ดี เราคิดว่าภาษาไทยคงจะฉุดเราเข้าป่าเลยละ และรอบนี้สอบใกล้บ้านก็รีบมาแต่วันเลย กว่าจะได้เวลาเข้าห้องสอบ เล่นสะง่วงเลย พอทำข้อสอบไปได้สักพักเกิดเบื่อขึ้นมาสะอีก ผลก็เลยเป็นแบบที่บอกค่ะ จนมารอบที่ 3 คร่านี้เราก็ขอสูตรเดิมคือไปถึงห้องสอบแบบไม่ต้องรอ ลุ้นตัวโก่ง นั่งมอไซด์วินซิ่งไป จะได้ตื่นเต้น สมองอยู่ในภาวะคับขัน มันจะเค้นเอาความสามารถที่ถูกกลบถูกฝังออกมา คิดว่าน่ะ ไม่เชื่ออย่าลบลู่ เชียวน่ะ อิอิ เพราะรอบแรกเราก็เจอสถานการณ์นี้แล้วก็สอบผ่าน ก็เลยขอก๊อบปี้มารอบที่ 3 ซึ่งมันก็ผ่านไง แต่รอบนี้เราก็เน้นไทยไปพอสมควรเลย ก็เลยสรุปไม่ได้ชัดเจน  ส่วนเรื่องการสมัครสอบเข้ารับราชการมาช่วงหลังเห็นเค้าารับหมดน่ะ ก็เป็นการดีสำหรับเพื่อนๆ ที่จะสอบช่วงนี้ก็เลือกอันสูงสุดไปเลยอันเดียว

ส่วนสถิติการสอบผ่านในช่วงปีหลังๆ มาก็ลดลง อ่อ....
ปี 2554 มีคนสอบผ่าน 86,326 คน
ปี 2555 มีคนสอบผ่าน 29,689 คน
ข้อมูลการสอบ ภาค ก กพ. ปี 2556
มีคนสมัครสอบทั้งหมด 579,326 คน ทุกระดับ
สอบผ่านเพียง 17,927 คน น้อยน่ะ และมันก็น้อยลงเรื่อยๆ  ปีนี้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากผู้สมัครสอบทั้งหมด = 3.09% เท่านั้นเอง แต่จากประสบการณ์ไปสอบ ก็จะเห็นว่ามีคนขาดสอบเยอะพอสมควร แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าตัดจำนวนนั้นออก ก็คงจะพอหายใจคล่องได้หน่อย
ส่วนเมื่อปีที่แล้ว 2557 มีคนสมัครสอบ 363,493 คน สอบผ่าน 9,544 ราย คิดเป็น 2.63%  คนสมัครน้อยลงจากปีก่อน และก็ มีผู้สอบผ่านน้อยกว่าเช่นกัน แต่ยังมีอีกส่วนที่รอสอบแก้ตัววิชาอังกฤษ ก็น่าจะช่วยให้ตัวเลขขยับขึ้นมาได้อีก

และสถิติปีล่าสุด ประกาศผลไป วันที่  27 พ.ย 2558 รู้ผลกันแล้ว ทาง ก.พ. รวบรวมผู้สอบผ่านความรู้ความสามารถทั่วไปได้ 21,128 คน  ยายจุ๋มขอแสดงความยินดีกับผู้ที่สอบผ่านทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ส่วนใครที่ปีนี้พลาดก็อย่าเพิ่งท้อใจไป ปีหน้าเอาใหม่..เป็นกำลังใจให้อีกแรงน่ะ สู้ ๆ



31 สิงหาคม 2558

อกหักอย่างไร....ให้เจ็บนิดเดียว

จากประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายพรรษาของยายจุ๋ม โดยเฉพาะเรื่องความรัก...ใช่แล้ว ความรักมันก็เป็นความรู้สึกชนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันก็มีสิทธิ์ที่จะหมดรักกันได้ แบบไม่รู้จะไปตามโทษใคร ส่วนใครที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ของคนอกหัก รักตุ๊ด วันนี้ยายจุ๋มขอชี้แนะ อกหักอย่างไรให้เจ็บนิดเดียว

ยาจุ๋มจอมแสบ

คือว่าอกหักจะไม่เจ็บมันก็ไม่เรียกว่ารัก จริงม๊ะ..เพราะฉะนัันมันจำเป็นต้องเจ็บ แต่ห้ามเจ็บนาน

1. เมื่อคุณโดนบอกเลิก อยากร้องไห้ก็ร้องเลย แต่อย่ารั้ง อย่ายื้อให้เค้าอยู่ ทำไมน่ะหรือ เพราะคนที่มันหมดใจ มันก็คือหมดใจนั่นแหละ จะให้เค้าอยู่มันก็คงจะทรมานเค้า ส่วนเราก็ใช่ว่าจะมีความสุข? เพราะฉะนั้นร้องไห้ซะ เพื่อยืนยันว่าเรารักเค้า แต่อย่าขอร้องให้เค้าไม่ไป...คุณจะเข้าใจดีว่าทำไม ในวันที่คุณดีขึ้นแล้ว? และเมื่อร้องจนไม่เหลือน้ำตาให้ไหลออกมา ก็จงหยุดร้อง ข้อดี..เพื่อนๆ รู้ไหมว่าน้ำตานะช่วยให้ดวงตาเราสะอาดขึ้น

2.เชื่อว่าสาวๆ ไม่มีใครอยากมีริ้วรอย ยามอกหักถึงแม้จะเศร้าสักแค่ไหนก็ตามเรารู้ดีว่าสักวันนึงมันจะผ่านไปและกลายเป็นอดีต แต่สิ่งหนึ่งที่จะติดลึกอยู่บนใบหน้า โดยเฉพาะหัวคิ้ว คือริ้วรอย ไม่เชื่อ เพื่อนๆ ลองร้องไห้หน้ากระจกสิ จะะเห็นว่าหน้าเพื่อนๆ ยับมากแค่ไหน ถ้าเพื่อนๆ ได้เห็นใบหน้าตัวเองตอนร้องไห้ เพราะคนที่ไม่รัก และยิ่งกว่านั้นคือ ริ้วรอยที่เพื่อนๆ จะต้องกำจัดออกไปจากใบหน้าอันสดใส ซึ่งต้องใช้เม็ดเงิน .....และ...มันน่าเจ็บใจเสียจริง? ที่สภาพของเรายามอกหักนั้น แทบจะดูไม่ได้ หน้าตาหมองแต่งหน้าอย่างไรก็ไม่ใส ดวงตาบวมเปล่งอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นปล่อยเค้าไปแต่ตัว อย่าให้ความสวยของเราไปกับเค้าด้วย ซึ่งเป็นที่มาของข้อถัดไป คือ...

3. รักตัวเองสิ คนที่เค้าเอ่ยปากบอกเลิกกับเราน่ะ ร้อยทั้งร้อยมันหมดความรู้สึกรัก และไร้ความผูกพันใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว ใครกันจะบ้าทำร้ายตัวเอง บอกเลิกคนที่ตัวเองรัก ลองคิดดูสิ ถ้ามีคนแบบนี้อยู่บนโลกใบนี้ คนคนนั้นคงเป็นคนที่พิลึกน่าดู เมื่อเค้าไม่ต้องการความรักจากเรา เราก็กลับมารักตัวเองดีกว่า คนที่รักตัวเองนั้นจะดูสวย และมีเสน่ห์เสมอ ไม่เชื่อคุณลองดูในละครสิ ว่าคนที่ผิดหวังจากความรักแล้วประชดประชันตัวเองน่ะ มันน่าสมเพชขนาดไหน?

4. จัดปาร์ตี้ฉลองโสดกันเลยดีกว่า เวลาเราเรียนจบเราก็เสียใจที่เราจากเพื่อนๆ สถานศึกษา แต่เราก็ดีใจที่ได้เรียนจบ? และเรากำลังจะเริ่มต้นสิ่งใหม่  อีกครั้ง..ถ้าเราอกหักก็เหมือนกับต้นไม้สลัดดอก ดอกไม้อาจจะสวย แต่ไม่นานก็ต้องโรยราเพื่อออกผล มันเป็นความจริงน่ะ เมื่อสิ่งหนึ่งจากไปมันจะมีสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเกิดขึ้นแทน และอีกอย่างคุณจะได้มีโอกาสทำตัวสวยๆ ให้ใครที่แอบชอบคุณอยู่รู้ว่าคุณว่างแล้ว

5. ทำสวยมันซะเลย เปลี่ยนทรงผม เสื้อผ้า นวดหน้า เข้าสปา เล่นโยคะ ลั้ลลากับเพื่อนฝูง ก่อนหน้าที่เค้าจะบอกเลิก คุณเครียดกับเรื่องนี้มามากแล้ว? ร้อยละ 90 ละกัน เราคิดว่ารู้สถานะความรักของตัวเองว่ามันกำลังดำเนินไปในทางไหน และเมื่อเค้าตัดสินใจไปซะที ก็ถึงเวลาที่เราจะไม่ต้องไปนั่งเครียดว่าเค้าจะแอบมีใครไหม โกหกอะไรเราหรือเปล่า ปัญหาโรคจิตทั้งหลายแหล่ สารพัดที่ทำให้เราคิดที่ทำให้เราเครียด

6. อันนี้อาจจะเชยไปหน่อย แต่มันก็ยังใช้ได้นะ คิดถึงครอบครัว คนที่รักเรา พวกเค้ากำลังรอเราอยู่ และไม่ว่าเราจะทุกข์จะสุข พวกเค้ายินดีจะอยู่ให้กำลังใจ พ่อแม่ไม่เคยบอกเลิกเรา พี่ น้องก็ไม่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

7. ตัดช่องทางการติดต่อของเค้าให้หมดสิ้นจะได้ไม่ต้องมารู้สึกแปลบปลาบหัวใจเวลาเห็นข่าวคราวที่ไม่อยากรู้

8. คิดเสียว่าเราได้ตายจากกันไปแล้ว

9 เก็บความทรงจำที่แสนดีเอาไว้ อย่าหวังว่าคุณจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่มีทาง แต่ให้เลือกจดจำสิ่งที่ดีดีที่เรากระทำให้แก่กัน แต่เอาไว้คิดถึงตอนที่ทำใจได้แล้วจะดีกว่า...

10. เวลา เมื่อถึงเวลาบาดแผลจะถูกเยียวยา และหายไปเอง  เพราะฉะนั้นใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มีสติอยู่กับปัจจุบันเท่านั้นพอ ถ้าคิดถึงเค้าหรอ ก็แค่เอาเงินแบงค์ร้อย หรือแบงค์ยี่สิบ หรือเหรียบสิบ ตามอัตภาพละกัน ใส่กระปุกออมสินหนึ่งใบ วันนึงคิดถึงเค้าสักสิบครั้งคุณจะเก็บเงินได้เท่าไหร่  เวลาที่คุณหายดีแล้วก็แกะมันออกมานับ คุณอาจจะกลับไปขอบคุณเค้าที่ทำให้คุณมีเงินเก็บอีกก้อน

11.อย่าโทษตัวเอง มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น แต่มันเป็นเรื่องของอารมณ์ และความไม่เหมาะสมกันทางกายภาพ และมโนภาพ เมื่อเค้าไม่ต้องการเรา มันก็แค่เค้าไม่ต้องการ ไม่ว่าคุณจะดีแค่ไหนก็ตาม?

12. อย่าเสียดาย ไม่ว่าจะเสียดายที่เค้าหล่อ เค้าสวยเค้าดีอะไรก็ตาม เพราะบนโลกใบนี้มีประชากรนับพันล้านคน ย่อมมีคนที่ดีกว่านี้ และเค้าไม่มีวันจะทิ้งคุณ

และสุดท้าย 13. อย่าเพิ่งรีบมีคนใหม่ ทำไมน่ะหรอ ช่วงจังหวะที่คุณกำลังอยู่ในห้วงอารมณนี้ สติการคิดตริตรอง อาจยังไม่เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น คุณควรจะยับยั้งการเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนไปก่อน เพราะการที่คุณพยายามหาใครมาแทนที่เพื่อจะได้ช่วยให้คุณมีความรู้สึกดีขึ้นนั้นสุดท้ายอาจกลายเป็นหลอกตัวเอง และเจ็บตัวเจ็บใจเพิ่มไปอีก


สุดท้ายขอให้เพื่อนๆ ที่กำลังอกหักอยู่หายไวไว และกลับมาสดใสแบบที่เคย อย่างน้อยถ้าสิ่งที่ยายจุ๋มนำเสนอจะช่วยให้ใครสักคนดีขึ้น ก็ถือว่ามันมีประโยชน์ที่ได้แบ่งปันแล้ว อย่าลืมนะ!!! คนที่รักตัวเองเป็นคนที่ดูดีที่สุด


28 สิงหาคม 2558

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ...หนึ่งโรคที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ


 กระเพาะปัสสาวะอักเสบ...หนึ่งโรคที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ


http://mygrandmam.blogspot.com/

ใครเคยป่วยด้วยอาการแบบนี้ยกมือขึ้น??  เป็นความบังเอิญของเรา ที่ยายจุ๋มจู่ๆ ก็มีอาการแบบนี้ขึ้นมา
ขอเกริ่นสักนิดว่า ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกินเข้าไปและถ่ายออกมา หากใครไม่เป็นเช่นนั้นก็จะต้องหาวิธีเอามันออกมา กินไม่ได้ก็เป็นปัญหา ถ่ายไม่ออกก็มีปัญหา ถ่ายออกมาแล้วสีแปลกๆ ก็มีปัญหา ยายไลน์มาให้เราช่วยหาข้อมูล ให้แกเรื่องสีของปัสสาวะ ยายจุ๋มว่าแกฉี่ออกมาเป็นสีคล้ายเลือด และก็เจ็บๆ แสบๆ ด้วย มันดูน่าตกใจมาก... ส่วนเราเองยังไม่รู้จักโรคนี้เลย


แกว่าช่วงนี้แกกินตรีผลา ที่เป็นสมุนไพรน้ำสีน้ำตาล รสชาติไม่ค่อยถูกใจวัยรุ่นเท่าไหร่ แต่มีสรรพคุณหลายอย่างมาก เราเลยต้องไปหาข้อมูลเพิ่มว่าไอ้เจ้าตรีผลา เนี่ยกินเข้าไปมันทำให้ฉี่ออกมาสีแดงหรือเปล่า แต่ไม่พบข้อมูล ได้รู้แต่เพียงว่ามันช่วยขับปัสสาวะ ก็บอกยายไปตามที่พบ

สุดท้ายแกก็ร้อนใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลแถวบ้าน ซึ่งหมอก็ยืนยันว่าจะให้แกตรวจอัลตร้าซาวด์ ซึ่งต้องมาตรวจสัปดาห์หน้า  เบื้องต้นอาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรืออาจเป็นมะเร็ง หมอให้เหตุผลว่าเนื่องจากอายุมากแล้ว ซึ่งยายอยากจะเล่าอาการ ให้ฟังด้วยแต่หมอเหมือนยังไม่พร้อมจะรับข้อมูลตอนนี้ จะขอเห็นผลอัลตร้าซาวด์ก่อน ข้อนี้ดูยายจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ จนอีกสามสี่วันต่อมา แกยังคงเจ็บที่ท้องน้อยอยู่ ก็เลยไปที่ศูนย์แพทย์พัฒนาตรงพระรามเก้า ซึ่งยายบอกว่าคุณหมออายุมากแล้ว แต่ก็คล่องแคล่วต่อการซักถามอาการ แกแอบชมคุณหมอซะเสียงดัง
ยายแกกินยานอฟล๊อกซาซิน ไปก่อนหน้า พอคุณหมอทราบก็เลยบอกว่ายาอันนี้มันจะทำให้ดื้อยา และกลับมาเป็นอีก ก็ไม่รู้เพราะอะไร ยายแกว่าหมอพูดแบบนี้ ส่วนยายจุ๋มแกชอบกลั้นปัสสาวะ กินน้ำน้อย ซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คุณหมอเลยฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่สะโพก ให้แทนการจ่ายยามากิน พร้อมกับนัดดูอาการอีกครั้ง ท่าไม่ดีขึ้นหรืออย่างไรคงต้องอัลตร้าซาวด์
 
จริงๆ ถ้าทราบสาเหตุของการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเราก็สามารถจะระวังไม่ให้เกิดโรคนี้กับเราได้ เพราะเราเชื่อแล้ว..ว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ.....จริงๆ น่ะ

19 สิงหาคม 2558

ป่วยนะ...มันทรมานจริงๆ น่ะ

ขอบคุณยายจุ๋มจอมแสบที่ช่วยให้เราสนใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น นึกย้อนกลับไปสงสัยตัวเองตอนเด็กเรานี่อยากป่วยเหลือเกินเป็นเพราะอะไร เพราะจะได้หยุดเรียนหรือเปล่า  หรืออาจเป็นเพราะก่อนนั้นเราเองยังไม่เคยป่วยหนักขนาดซึมซับได้ถึงความทรมานจากอาการป่วย จนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เมื่อเราต้องตกเป็นเหยื่อของไข้เลือดออก การทรมานกับอาการไข้สูงจนหนาวสั่น เป็นชั่วโมง แล้วลดลงจนเหมือนปกติ สลับกับแบบนี้ ทำเราเพลียมาก จนเข้าวันที่ 3 แม่ให้เราไปโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลดันบอกว่าเราป่วยไข้ธรรมดา แถมให้ยาแก้คันมาอีก นี่เราเป็นโรคผิวหนังเองหรอกหรือ..เรากลับออกจากโรงพยาบาลแบบงงๆ ตอนนั้นเราเดินเป๊กๆ แล้วแต่หมอไม่ได้ถามถึงความผิดปกตินี้เลย.ตรงกันข้ามกับสนใจซักไซร้ว่าผื่นแดงๆ นี้คันไหม คันอย่างไร คงคิดว่าเราเป็นคนที่ขาพิการแบบนี้อยู่แล้ว.และก็ให้เรากลับบ้าน

กว่าจะรู้ว่าเป็นไข้เลือดออกก็คงเป็นตอนที่เราตายแล้ว แต่..ยัง...เราโชคดีที่รอดจากอาการพีกมาได้จนเริ่มทุเลาเป็นผื่นตามตัว ตามแขน ตามขาชัดเจนขึ้น มาหาหมออีกที่ ใน 2 วันถัดมา ทีนี้เปลี่ยนเป็นคลีนิก ไม่ไปแล้วโรงพยาบาลจ่ายตังค์เองละกัน เลยได้รู้ว่ามันคือไข้เลือดออก ซึ่งเราอ่อนเพลียมากแล้ว กินอะไรไม่ได้มาหลายวัน เราไม่รู้ว่าคนป่วยคนอื่นเค้าจะหิวไหม แต่เราหิวมาก พอกินไปมันก็อาเจียนออกมาหมด  ตัวเหลือง หมดแรง เราพักรักษาตัวระยะหนึ่งก่อนออกเดินทางเข้าพื้นที่สำรวจ ที่จังหวัดตรัง ที่นั้นเราไปพบกับเจ้าหน้าสาธารณสุขโดยบังเอิญเลยได้คุยกันนิดหน่อย เค้าว่าที่เราเจ็บข้อมือ ข้อเท้า อาจมาจากยุงลายมันมีเชื้อชิกุนคุนยาด้วย..เลยถึงบางอ้อ.

นั่นคือความรู้สึกที่รับรู้ถึงความทุกข์ ทรมาน จากการเจ็บป่วย และได้รับรู้อีกว่าบางทีการรักษาพยาบาลก็ไม่สามารถทำได้ดีเท่าอย่างทีเราคิดหรอก

เราเลยเริ่มสนใจดูแลสุขภาพ พร้อมกับน้อมรับภาษิตที่ว่า "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" อย่างเต็มหัวใจ ประกอบกับการคลุกคลีอยู่ในกลุ่มคนที่สนใจเรื่องสุขภาพอย่างยายจุ๋ม และเพื่อนๆ ของยายจุ๋ม ซึ่งล้วนแต่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากันแล้วทั้งนั้น พอเมื่อวานไปงาน Thailand Research Expo 2015 มันมีหัวข้อที่เห็นแล้วสะดุ้งอ่ะ "คนไทยยุคใหม่หนีไม่พ้นโรคหัวใจ ไต เบาหวาน" ฟังแล้วมันทรมานจิตมาก คือคำว่าหนีไม่พ้นเนี่ย มันหมดทางเลยใช่ไหม? ทุกคนต้องเป็นเหรอ อยากรู้ ๆ เพราะงั้นขอไปฟังหน่อย เผื่อมีทางหนีที่ไล่ ไม่อยากเป็นโรคอะไรแล้ว

ทางด้านการบรรยายประกอบการวิจัยที่ใส่รสชาติของภาษาวิชาแพทย์ สำหรับเราก็นั่งงงกันไป แต่ก็ฟังไว้ให้หูมันคุ้นๆ ส่วนเรื่องที่พอเข้าใจได้ก็เป็นการบรรยายในแง่ของการปฏิบัติตัว เราต้องอยู่ในสังคมที่ดี มีความปลอดภัยทางกาย ใจ มีความมั่นคง และเป็นคนดี จริงๆ สุขภาพดีก็ยังไม่มีขายอยากได้ต้องทำเอง ก็คือการไปออกกำลังกาย  ไปคิดบวก ถ้าตัวเองดี คนรอบข้างดี สังคมดี ประเทศก็ดี ช่วงนี้เราก็ระส่ำระสาย ไม่รู้อะไรกัน ความสงบสุขมันไม่เกิด ก็เลยเกิดอาการวิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถ้าหากโชคดีกินได้ อาหารที่กินเข้าไปเป็นอะไร ส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีหรือเปล่า มันก็มีรายละเอียดลงไปอีก

การชวนเชื่อให้เกิดการบริโภคในสิ่งที่ไม่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ซึ่งเราก็รู้ว่ามันไม่ดีแหละ แต่มันอยากลองไง มันน่าจะไม่มีผลกับสุขภาพอะไรมากมายแค่ลองนิดหน่อย แต่เราก็เห็นแล้วจากตัวอย่างตามสื่อ ของจริงไกลตัว หรือใกล้ตัวก็ตาม ว่าต่อให้มีความมั่นใจว่าเอาอยู่แค่ไหน สุดท้ายก็อาจต้องพ่ายแพ้ต่อมัน

เรื่องของธุรกิจกับสุขภาพมันยังเป็นคนละเรื่องกันอยู่ ถึงบางอย่างจะบอกว่าเพื่อสุขภาพ แต่มันก็ต้องจ่ายแพงขึ้น  ขนมครกทั่วไป 1 กล่อง 20 บาท ถ้าเขียนว่าเพื่อสุขภาพ จะต้องควักเพิ่มอีก 10 บาทอะไรแบบนี้ ที่นี้เราเป็นคนบริโภคก็ต้องเลือกเอา ของดีไม่จำเป็นต้องราคาแพง และของแพงไม่แน่เสมอไปว่าเป็นของดีนะคะ

ส่วนที่เราคิดว่าสำคัญก็คือเราต้องเริ่มที่จะเลือกก่อนว่าเราอยากเป็นคนแบบไหนสุขภาพดี หรือไม่ดี เมื่อเลือกแล้ว ก็มาลงมือปฏิบัติ ซึ่งมันก็ง่ายแล้ว เพราะเรามีธงในใจแล้วนี่..จริงไหม??

สุดท้ายเราเอาแอปนี้มาฝากสำหรับประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยแสดงผลการประเมินเป็นความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน และโรคเส้นเลือดสมองตีบตันในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าซึ่งจะใช้ผลเลือด หรือไม่มีผลเลือดก็เอาขนาดรอบเอวกับส่วนสูงมาใช้แทน  เพิ่งมาเห็นว่าแบบประเมินความเสี่ยงนี้ความใช้กับคนไทยที่มีอายุ 35-70 ปียังไม่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่เราก็ทำเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว


Thai CV risk score
Application : Android
โดยศูนย์หัวใจ หลอดเลือด และเมแทบอลิซึม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล




9 กรกฎาคม 2558

เตรียมสอบกพ. อนุกรม

เตรียมสอบ กพ. กับยายจุ๋ม เรื่องที่มีอย่างแน่นอนและจะเจอทันทีที่เปิดกระดาษข้อสอบหน้าแรกเลย ก็คงจะเป็น "อนุกรม" ส่วนใหญ่ถ้าเชี่ยวชาญเรื่องนี้จะนำไปใช้ได้กับการสอบของหลายๆ สนามทั้งของ กพ. และสนามสอบของรัฐวิสาหกิจ สนามสอบทุน etc, สรุปคุ้มค่ามากแก่การฝึกให้เชี่ยวชาญค่ะ

วิธีการที่จะทำอนุกรมได้ดีและเร็วคือการฝึกทำโจทย์เยอะๆ  แล้วเราจะรู้วิธีและแนวทางการคิดของโจทย์ในทันทีที่เห็นโจทย์ ก็พอจะเดาออกว่ามันควรใช้วิธีใด

ข้อสอบอนุกรม จะมีทั้งอนุกรมแบบง่ายๆ และแบบซับซ้อน สองชั้นสามชั้นกันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะถ้าเรามีความสนุกกับมันและทำโจทย์มามากพอแล้ว ให้มากี่ชั้นเราก็อ่านออกทะลุปรุโปร่ง
ลองตัวอย่างกันสักหน่อย
1)  2 4 6 8 10...... แน่นอนว่าตัวต่อไปก็คือ 12 หลักการคิดก็คือ การนำเลขคู่มาเรียงกันนั่นเอง ถ้าเห็นแบบนี้เด็กอนุบาล 2 คงพอจะตอบได้น่ะ แต่นั่นแหละการเรียนรู้ต้องเริ่มจากง่ายไปหายาก เช่นเดียวกันกับปัญหายิ่งเราแก้ปัญหาง่ายๆ ได้สำเร็จมากๆ สุดท้ายปัญหาใหญ่ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่เราอ่านและ ฝึกทำโจทย์เรื่องนี้อยู่ก็อีกนั่นแหละเพื่อนๆ เราไปหาข้อสอบอนุกรมจากอินเตอร์เน็ทที่มีอยู่มากมายมานั่งทำ ประมาณ 50 ข้อเห็นจะได้ปริ้นมาเลยเอาแบบที่มีเฉลยและวิธีการคิดด้วยน่ะ ซึ่งมันจะช่วยให้เราเห็นแนวทางการคิดได้ดีทีเดียว

แถม...อีกอันหนึ่งอันนี้เราเจอมาในข้อสอบอื่นที่ไม่ใช่ กพ. แต่อยากแชร์ไว้เป็นความรู้เผื่อกพ. จะนึกสนุกเอามาออกบ้าง
97552 92575 95725 95257..... ตัวต่อไปคืออะไร
.....
แต่น แต้น แต๊นนนน  97552
อันนี้มันจะเป็นข้อสอบอยู่ในชุดตัวเลขช่วงแรกๆ  จำได้ว่าเราเสียเวลามากพอควรเพราะมัวแต่ไปคิดหาวิธีบวก ลบ คูณ หาร มาถึงบางอ้อเอาตอนท้ายก็คือว่า มันเป็นการเรียงตำแหน่งตัวเลขสลับไปมาโดยระบบเดียวกันทั้งชุด คล้ายๆกับพวกแบบทดสอบไอคิว...นะ

3 กรกฎาคม 2558

อาการโช๊คเสื่อม ตรวจเช็คได้ด้วยตัวเอง

2 เดือนที่แล้วหลังจากเข้าอู่เช็คระยะ ก็พบว่ายางทั้ง 4 เส้นของเจ้ามาสด้า 2 แสนซนของเรากินในและสึกเป็นบั้งๆ ด้วย ฟังผลแล้วน้ำตาตกใน เพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่จะงอกขึ้นมาอีก คำพูดที่ว่ามี "รถ" ก็มีแต่ลด เข้ามาในหวงสำนึกอีกครั้ง....เหี่ยวกันเลยที่เดียว ช่างที่เปลี่ยนยางให้แนะนำให้เอารถไปเช็คโช๊ค บางทีโช๊คอาจจะเสื่อมเลยทำให้กินยาง และยางเป็นบั้งๆ แบบนี้

เรากลับมาก็เปิดหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องอาการยางสึกเป็นบั้ง บวกกับถามจากพี่ๆ ที่เค้าพอจะมีความรู้ซึ่งแน่นอนว่ามากกว่าเรา ก็ได้ข้อมูลมาดังนี้

1. อาจมาจากโช๊คอัพ ถ้าเป็นอันนี้จริง ก็ต้องเปลี่ยนโช๊ค ลองเช็คราคาก็แรงน่าดูชมทีเดียว ร้านยางก็แนะนำให้ไปเช็คโช๊คดู ข้อมูลตรงกัน แถมยังถามว่าเวลาขับมีเสียงดังไหม มันก็ดังนั้นแหละ แต่เราตอนนั้นเข้าใจว่ามันเป็นแสียงของยางที่แรงดังตามระยะใช้งานอ่ะ  แต่ที่รู้สึกขึ้นเนินมันยวบๆ ไง ขับความเร็วขึ้นเกือบ 100 ก็ต้องรับผ่อนคันเร่งแล้ว

2. การเติมลมยางที่อ่อนเกินไป แบบนี้ก็แก้ที่การเช็คลมบ่อยขึ้น ไม่มีปัญหา ถ้าเกิดเป็นเพราะสาเหตุนี้

3. ศูนย์รถไม่ดี เป็นไปได้ไหมหว่าาา.....อันนี้เริ่มไม่มั่นใจ เพราะครั้งที่แล้วไปเปลี่ยนยางแบบไร้ความรู้เรื่องรถโดยสิ้นเชิง ก็เลยไม่ทราบว่าร้านเขาตั้งศูนย์ให้ไหม แต่แนวโน้มว่าไม่ได้ตั้ง เพราะพอจะระลึกได้ว่าเรารู้สึกว่ารถมันจะไปทางซ้ายนิดๆ ตลอด จนเราต้องออกแรงที่แขนขวามาก ยังแอบโกรธนิดๆ ว่าที่แขนใหญ่ขึ้นมาตอนนี้เป็นเพราะขับรถรึเปล่า  และนั่นแหละเพราะเราไม่รู้ก็เลยไม่ได้เอาไปตั้งศูนย์ที่ไหน ทนใช้มันแบบนั้น

พี่ที่ขอคำแนะนำ เค้าก็ให้ลองไปที่ร้านแล้วให้เค้าเช็คดูว่าโช๊คเสียไหม หรือลองเช็คเองก่อนก็ได้

วิธีเช็คเองก็ลองกดลงไปหน้ารถ บริเวณที่รับแรงกดได้ ระวังบุบน่ะ แล้วสังเกตว่าพอปล่อยแล้วรถเด้งขึ้นลงกี่ที่ ถ้า สัก 2 ทีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามากกว่าก็แน่นอนเลย

เราก็ลองกดดู ...มันก็เด้ง 2-3 ครั้งมั้ง แต่เราก็ไม่แน่ใจ สรุปว่าเรายังไม่เข้าใจอยู่ดี

อีกวิธีก็สังเกต เวลาลงขึ้นเนินหรือลงสะพาน รถเด้งกี่ที อันนี้ก็สังเกตแต่ไม่ค่อยมั่นใจอีก

นอกจากนี้ก็สังเกตดูว่ามีคราบน้ำมันอะไรเยิ้มๆ ไหม  ซึ่งเราก้มดูแล้วก็ไม่มี
หลังขับไปไหน..กลับมาก็ลองจับดูที่โช๊คว่ามันร้อนไหม ถ้าร้อนก็ปกติน่ะ แสดงว่ามันยังทำงาน อันนี้เราจับทั้ง 4 ต้นก็มีความร้อน เริ่มสงสัยว่ามันคืออะไร

ลองลูบหน้ายางดูก็ยังเรียบเนียนอยู่ ถ้ามันจะยังเสียก็น่าจะต้องมีอาการกะยางใหม่ที่เราวิ่งไปประมาณ 2000 โลบ้างละ คิดเอาเองน่ะ แบบว่าไม่มีความรู้ไง

จนสุดท้ายก็เบื่อจะลองเองล่ะ เลยขับรถเค้าไปร้านเปลี่ยน และซ่อมโช๊ค
คุยกับช่างไม่กี่คำ ช่างก็มาลองกดหน้ารถดูแบบที่เราทำ ช่างบอกว่า มันน่าจะเสื่อมละ

อืม...เอาไงดี

เนื่องจากหาข้อมูลมา เห็นหลายๆ คนไปเปลี่ยนใส่ SR special เราก็เลยลองถามตัวนี้ ได้ความว่ามันจะแข็งไปสำหรับการใช้งานปกติ  แล้วช่างก็แนะนำเป็นตัวอื่นให้ ราคาก็ไม่ถึงหมื่น แต่เราจำยี่ห้อไม่ได้อ่ะนะ

มาสด้า 2 โช๊คเสื่อม
ช่างว่าถ้าเปลี่ยนอายุการใช้งานมันก็ประมาณ 3 ปี แต่ถ้าซ่อมก็ประมาณ 2 ปี ที่นี้รับประกัน 6 เดือน ช่วงรัดเข็มขัดแบบนี้สุดท้ายเราก็เลยจบด้วยการให้ช่างถอดออกมาซ่อม ด้วยราคาคู่ละ 1200 บาท

ตอนที่ช่างทำก็ ลองกดให้ดู เห็นว่าตัวแกนมันยุบลงไปง่ายมาก ซ่อมเสร็จเราก็ขอให้ช่างลองกดให้ดูอีก ช่างว่าต้องใช้แรงกดเพิ่ม อีกอย่างคือน้ำมันที่อยู่ในกระบอกโช๊คไม่ค่อยถึงไม่หนืดเลย ช่างบอกว่าถ้าไม่เสื่อมน้ำมันจะหยด แต่อันนี้ไหลเลย....

ประมาณ 1 ชม. ก็เสร็จเรียบร้อย ขับออกมาถึงพบความแตกต่างว่ามันเด้งๆ หยุ่นๆ แตกต่างจากก่อนเปลี่ยน เวลาขับเร็วอาการที่ทำให้เราต้องถอนคันเร่งก็หายไป ส่วนเรื่องตั้งศูนย์ที่นี้ไม่มีบริการเราเลยไปหาร้านตั้งเอง เสียเงิน 200 บาท

พอลองกดหน้ารถดูก็รู้ว่า ตอนที่ปล่อยมือมันจะค่อยๆ ขึ้นมาไม่ใช่ขึ้นมาทันที ซึ่งความรู้สึกรับรู้ได้ที่มือ ขึ้นเนินลูกระนาดจะไม่มีเสียง ฟวบๆ ให้ได้ยิน ประมาณนี้แหละ

หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์หรืออย่างน้อยก็เป็นแนวทางให้กับใครที่กำลังเจอปัญหานี้ หรืออยากลองตรวจเช็คดูด้วยตัวเองก่อนที่จะเข้าร้าน..ค่ะ

30 มิถุนายน 2558

เตรียมสอบ กพ. การเรียงประโยค

ฉบับนี้ยายจุ๋มไม่ได้มา แต่ฝากมาบอกว่าเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสอบ กพ.อยู่นะคะ ที่สำคัญอย่าเครียดไปที่เดียวเชียวเพราะความเครียดนั้นมักจะสร้างปัญหามากกว่าสร้างปัญญานะเออ..

การสอบ กพ. จะแบ่งออกเป็นความรู้ความสามารถทั่วไปทางคณิตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยส่วนของคณิตศาสตร์และภาษาไทยนั้นจะรวมอยู่ในชุดเดียวกัน ในส่วนนี้คะแนนที่เราต้องทำได้คือมากกว่า 60 % ขึ้นไป ก็จะถือว่าสอบผ่าน และส่วนที่หลายคนกลัวหรืออาจจะพลาดถ้าไม่แม่นจริงก็คงจะเป็นตรงส่วนของภาษาไทยนี้เอง (เราเองก็เคยพลาดเหมือนกัน)

เพราะฉะนั้นเราจะต้องชัวร์ในหลักการ ม๊ะ..มาลุยกันเลย
เอาเรื่องการเรียงประโยค เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ยากแต่ต้องอาศัยทริคนิดหน่อยที่จะช่วยให้ทำข้อสอบได้ง่ายและมั่นใจขึ้น

หลักการเรียงประโยคก็คือ ประธาน+ กริยา+ กรรม เท่านี้เอง ที่เหลือก็เป็นพวกที่ไปขยายตรงนั้นตรงนี้

ลำดับขั้นตอนวิธีการดูตามนี้เลย เราเห็นว่าวิธีการนี้เขียนไว้ดีและเข้าใจง่ายอยู่แล้วก็เลยขอยกมาแล้วปรับเพิ่มให้ดูง่ายขึ้น   (ดัดแปลงจาก : http://www.slideshare.net/valrom/ss-2982993) 


ขั้นที่ 1 (การหาประโยคแรก หรือประโยคที่ 1) มีหลักดังนี้

     1. ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย “การ”
                -   การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองต้องได้รับอนุญาต
                -   การวิ่งออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ

    2. หาคำนามเฉพาะ (ถ้ามี  2 คำ ให้เอานามที่มีความหมายกว้างขึ้นต้นเสมอ
                -   โครงสร้างการปกครองของประเทศไทยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
                -   ยูนานเป็นดินแดนแห่งภูเขา
  
    3. หาประโยคที่มี เครื่องหมายคำพูด “.......”
                -   คำว่า “ตำรวจ” ไม่ปรากฏแน่ชัดว่านำมาใช้ครั้งแรกเมื่อใด

    4. ใน + คำนาม
                -   ในเนื้อของถ่านหินยังมีสารอนินทรีย์เจือปนอีกหลายอย่าง
                 เนื้อที่ตามมาเป็นคำนาม

    5. เพื่อ (ใช้ขึ้นต้นได้ถ้าดูประโยคอื่นแล้วเห็นว่าไม่น่าจะใช้ได้)

     คำเชื่อมห้ามนำมาขึ้นต้นประโยคเลยเป็นอันขาดนะ เช่น กับ แต่ และ ซึ่ง ที่ ฯลฯ

ขั้นที่ 2 (การหาประโยคสุดท้าย หรือประโยคที่ 4) มีหลักดังนี้
        1. ................. เป็นต้น
                 -   เช่น น้ำ น้ำมัน และลม เป็นต้น
        2. ..............ทั้งหมด, .................ทั้งสิ้น
                 -   ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมด
        3. ...............ด้วย, ..................อีกด้วย
                 -   พลอยได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย
         4. ...............มากที่สุด, ................มากยิ่งขึ้น
                 -   เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
         5. ช่วงเวลา เช่น ปี พ.ศ. (ถ้าขึ้นประโยคแรกไม่ได้ให้ไว้ประโยคสุดท้าย)

ขั้นที่ 3 (การหาประโยคที่ 2 หรือ ประโยคที่ 3) ข้อสอบมักชอบออกแบบนี้ วิธีการหามีดังนี้
         1. ถ้าข้อความสุดท้ายของประโยคเป็นคำนาม ประโยคที่ตามมาจะต้องเป็นคำสันธาน คำ
             สรรพนาม หรือ คำกริยา
                  ตัวอย่าง
                   -    สมองเป็นส่วนประสานการทำงานของตาและหู (หูเป็นคำนาม)
                   -    กับการทำงานกับอวัยวะอื่น (กับ เป็นคำสันธานหรือคำเชื่อม)

          2. ประโยคแรกเป็นข้อมูลทั่วไป ประโยคที่ตามมาจะต้องเป็นประโยคที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
                   -   เขาไปโรงเรียน      ----------     เขาไปโรงเรียนมหาดไทย


เรามาลองดูโจทย์กัน

ตัวอย่างจาก แบบทดสอบวิชาความสามารถทั่วไป และวิชาภาษาไทย

ข้อความใดเป็นลำดับที่ 3
  
  
  
  



ลองทำโจทย์สัก 10 ข้อก็พอจะเห็นแนวแล้วค่ะ


เมื่อวานเราอ่านหนังสือเล่มหนึ่งในนั้นมีข้อความของ ซาราซาเต้ นักไวโอลินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากสเปน ขออนุญาตยกประโยคของเค้ามาเลยน่ะ  "Genius! For thirty-seven years I've practiced fourteen hours a day, and now they call me a genius." เท่านี้เองค่ะ ที่ความเก่งกาจต้องการก็คือ คนที่มุ่งมั่นฝึกฝน ความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่คนที่ฝึกแตะ 10,000 ท่าทุกวัน แต่เป็นคนที่ฝึกท่าเดียว 10,000 ครั้งทุกวันต่างหาก (อันนี้คำพูดใครหว่า..อัลไซเมอร์ซะแล้ว)

ไม่มีใครล้มเหลวเพราะลงมือทำ มีแต่ล้มเหลวเพราะหยุดทำนะคะ สู้ๆค่ะ







เฉลยข้อนี้คือ ข้อ 2 เป็นประโยคที่ 3 ค่ะ

29 มิถุนายน 2558

ต้มยำกุ้งสูตรยายจุ๋ม ความอร่อยง่ายๆ ที่คุณก็ทำได้

ยายจุ๋มสอนทำต้มยำกุ้ง มันดูช่างง่ายดายและรวดเร็วเสียจนอดที่จะขอเก็บสูตรมาฝากเพื่อนๆ ไม่ได้แถมรสชาติอร่อยอีกต่างหาก เราเองก็ทำพวกอาหารที่เป็นประเภทยำๆ ไม่ค่อยจะได้เรื่องอยู่แล้ว งานนี้เลยแอบคิดว่าจะจำเอาไว้ไปทำให้แม่กินสักถ้วย

วัตถุดิบที่ใช้ ได้แก่ ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า พริกขี้หนู  เห็ด กุ้ง น้ำปลา มะนาวแป้น  (ยายว่ามันจะหอมอร่อย) และน้ำสะอาด ส่วนใครชอบผักชีก็ใส่เพิ่มได้ตามสบายเลย แต่ยายไม่ได้ใส่

ต้มยำกุ้ง ยายจุ๋ม tom yum kung
มะนาว ใบมะกรูดเตรียมลงหม้อ

http://mygrandmam.blogspot.com/
เห็ด
ยายจุ๋ม ต้มยำกุ้ง
กุ้ง

พอเตรียมวัตถุดิบครบก็เริ่มบรรเลงเลย ยายจุ๋มล้างตะไคร้หั่นท่อนยาวใส่ไปกับน้ำที่ต้มในหม้อ ซึ่งต้องขอแก้เรื่องตะไคร้หน่อยเพราะยายมาอ่านแล้วเกิดอาการฉุนเฉียวขึ้นมาลมแทบจับ รีบไลน์มาสั่งให้แก้ด่วน ที่จริงแกใส่ตะไคร้ 6 ต้นหั่นแล้วทุบ  2 ต้นมันจะไม่หอม ส่วนน้ำประมาณ 3 ถ้วยน่ะค่ะ ต้มจนเดือดได้กลิ่นหอมตะไคร้ก็ใส่เห็ดลงไปก่อน สักพักก็ใส่กุ้งตามลงไป กุ้งใช้เวลาต้มไม่นานพอเปลี่ยนสีก็จะเริ่มสุก ยายว่าเกือบลืมใส่ใบมะกรูดเลยหยิบใบมะกรูดที่เตรียมไว้มาฉีกใส่ไปประมาณ 10 ใบจากที่เตรียมไว้ก็ใส่หมดเลย ปล่อยให้เดือดสักพักก็ตักออกมาปรุงรสด้วยมะนาวแป้น น้ำปลา ส่วนความหวานจะได้จากเห็ดและกุ้งที่ช่วยทำให้รสกลมกล่อมขึ้น อย่าลืมทุบพริกพอแตกใส่ลงไปให้เผ็ดร้อนตามใจชอบ เท่านี้ก็เป็นเสร็จสิ้นเมนูต้มยำกุ้งแสนอร่อย


http://mygrandmam.blogspot.com/
หม้อต้มยำกำลังเดือด

ตอนเราไปขอถ่ายรูปยายว่าขอเติมน้ำปลาอีกนิดเพื่อความกลมกล่อม ลดรสเปรี้ยวที่มันพุ่งปรี้ดโด่เด่ ให้มันละเมียดละไมขึ้น ช้อนแรกที่ลองชิมมันได้รสชาติของมะนาวสดๆ กับความกลมกล่อมจากกุ้งสด เห็ด และน้ำปลาตามมาติดๆ  ด้วยกลิ่นของตะไคร้ ใบมะกรูด และพริก หอมกรุ่นชวนหิวมาก

ต้มยำกุ้ง ยายจุ๋ม
เสร็จแล้วต้มยำของยายจุ๋ม


สุดท้ายเลยต้องขอซดสักถ้วย บวกด้วยข้าวสวยร้อนๆ และไข่ดาวอีก 1 ฟอง
สูตรนี้ใครอยากลองชิมก็เตรียมของขึ้นเตาได้เลยค่ะ ไม่เกิน 20 นาทีได้อร่อยแน่นอน