25 พฤษภาคม 2558

ผีเสื้อปีกขาด...แต่งโดยยายจุ๋มและเราเอง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรากับยายจุ๋มช่วยกันเขียนคนละ1ประโยค....โดยไม่ได้เตรี้ยมมาก่อนว่าจะให้เรื่องออกมาในทิศทางไหน....พอดีไปค้นเจอก็เลยเอามาฝากให้คอมเม้นต์กันนะคะ

ผีเสื้อปีกขาด

ในวันสดใสแสงแดดเจิดจ้า (ยายจุ๋มเป็นคนเริ่มต้น)
ฉันบินวนไปวนมาอยู่หลายรอบจนอ่อนแรง
ฉันอ่อนแอเสมอในจำนวนพี่น้องผองเพื่อน
ทันใดท้องฟ้าที่สดใสก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ( ฝนกำลังจะตกพายุกำลังจะมา)
แม่จ๋า.....ฉันร้องเสียงดัง
มาบินใกล้ๆแม่สิลูก...
ผมไปไม่ไหวฮะแม่..ลมมันแรงเกินไป
แม่บินย้อนมาคอยฉัน และบอกให้ฉันบินตามแม่ไปส่วนพี่น้องของฉันก็บินไปล่วงหน้าก่อนแล้ว
แม่ว่าเราบินไปหลบตรงโพรงหินนี้ก่อนดีกว่า ถ้าฝนซาเราค่อยไปใหม่นะลูก
ผมไม่รุ้ว่าเผลอหลับไปตอนไหนลืมตามาอีกทีก็ไม่เห็นแม่อยู่ในโพรงหินซะแล้ว

ดวงอาทิตย์ทอแสงพุ่งลอดรูไม้เป็นลำแสงสวยงาม
แม่ฮะ...ผมบินวนเวียนร้องเรียกแม่ออกไปในทุ่งหญ้ากว้าง
แม่หายไปไหนแล้ว...หรือว่าจะไปหาน้ำหวานให้ลูกกิน
ฉันบินกับไปที่โพรงหิน เจอเจ้าแมงมุมงุ่มง่ามอยู่

เห็นแมผมไหม
แม่ของเธอสีเขียวหรือสีเหลืองล่ะ?...ฮึ
สีดำโว้ย!
ฉันก็ไม่เห็นว่ะ...แมงมุมหันกลับไปงุ่นง่านกับการสานตาข่ายดักแมลงต่อไป
และจะทำอย่างไรล่ะที่นี้เจ้าผีเสื้อที่น่าสงสารบินเคว้งคว้างอยู่ไปมา.ทันใดนั้นก็เห็นจุดดำเล็กๆลอยตรงมา

แม่มาแล้ววว
ไปเถอะลูกแม่เจอน้ำหวานดอกใหญ่น้ำหวานเยอะเลย...





23 พฤษภาคม 2558

ประสบการณ์สอบ กพ. ไม่ผ่าน

ภาคต่อสอบกพ. คราวที่แล้วเขียนเรื่องทำอย่างไรให้สอบ กพ.ผ่านและแอบบอกไว้ด้วยว่าเราไปสอบ3 ครั้งน่ะเออ คราวนี้จะแชร์ประสบการณ์สอบไม่ผ่านกพ. ของเราให้เพื่อนอ่านบ้าง..

จะเล่าให้ฟังก่อนว่าครั้งแรกเราทำแบบที่แนะนำนั่นแหละใครยังไม่อ่านก็กลับไปอ่านได้นะค่ะ ที่นี้
และก็สอบผ่านภาคก. ของกพ.ในระดับปริญญาโทมาได้

มาครั้งที่2เราสมัครสอบอีกแต่เลือกสอบระดับปริญญาตรีเพราะว่าไม่มีใครเปิดสอบวุฒิเราเลยและของป.ตรีเขาก็จะเอาแต่ผ่านภาคก.ป.ตรี ในตอนนั้นน่ะ

เราก็เลยลงสมัคร...ครั้งนี้ได้สอบแถวคลองตันใกล้บ้านมากรถไม่ติด ไปรอก่อนสอบหนึ่งชม. เลยนั่งง่วงมาก คนอื่นก็นั่งอ่านหนังสือไป อะไรไป ได้เวลาเข้าห้องสอบก็ค่อยๆเดินชิวไปเลือกที่นั่ง เรากลัวเข้าห้องสอบไม่ทัน แต่คราวนี้เราประมาทมาก กับการอ่านหนังสือเพราะทบทวนน้อยมากและที่แย่คือเราไม่อ่านภาษาไทยเลย ทั้งที่ภาษาไทยสำหรับเราแล้วมันเป็นอะไรที่จอร์จไม่เข้าใจที่สุด ข้อสรุปของบทความคืออะไร ตีความว่าอย่างไร สาระสำคัญคืออะไร อ่านบทความสั้นแล้วมาตอบ ตอบตอบมั่วมั่วไปเรื่อยเลย ไร้หลักการมากเพื่อนๆ.
สัญลักษณ์ทางภาษาก็คิดโจทย์ไม่แตก..ทั้งที่ปีที่แล้วนี่ทำได้ลื่นมากกับข้อสอบเรื่องนี้...มาปีนี้เราทำได้แต่ส่วนของคำนวณ
ซึ่งน้อยเกินไปเมื่อรวมกับคะแนนที่เดา ถ้าคิดเองอาจจะตอบแบบหลบข้อถูก ก็เลยเดาล่ะ เราอาจพอมีหวังบ้าง
ทำไมเราถึงเดาเพราะ
1จำสูตรเทคนิคต่างๆไม่แม่นทำให้สูญเสียความเร็วในการทำข้อสอบ
2 ไม่มีสมาธิทำให้คิดหาวิธีการตอบที่ดีที่สุดไม่ได้
3 มาถึงสนามสอบเร็วเกินไปจนทำให้เราเบื่อ ง่วง และอาดีนาลีนลดลง
4ทำข้อสอบไม่ได้เพราะเตรียมตัวไม่ดี

และผลสรุปคือสอบไม่ผ่าน

เราสอบตกกพ. ป.ตรี อับอายมากหนึ่งปีที่เราต้องหลี้ภัยจากการสอบกพ.ตก ที่สอบผ่านมาปีที่แล้วมันคืออะไร เสียงสะท้อนอยู่ในหัวและตามหลอกหลอนอยู่1ปีเต็ม และเพื่อลบล้างความอับอายที่เกิดขึ้นเราต้องลงสอบ กพ.อีกรอบ ซึ่งมันคือการสอบ กพ.รอบที่3 .....








22 พฤษภาคม 2558

โพสต์ของเช้าวันใหม่ และจุดเริ่มต้นใหม่

ช่วงเปิดเทอมน่าจะเป็นช่วงที่รถติดสิ แต่กลับกันสำหรับเราเปิดเทอมกลับรถติดน้อยกว่า มาถึงที่ทำงานได้เร็วกว่า ไม่รู้เพราะอะไร...ฮึฮึ

ระหว่างขับรถก็ฟังเพลง ฟังข่าวเรื่อยเปื่อย ฟัง จส.100 บ้าง เพื่อหลงเข้าไปเจอทางตัน..ฮ่าๆ ไม่ใช่ทางตันเสียทีเดียว แต่มันเป็นทางที่ไปต่อได้แบบที่ละคืบอ่ะน่ะ เราจะได้เลี่ยงไปก่อน ที่จะประสาทรับรู้เสียหาย ฟังเพลงไม่เพราะ กระซับกระซ่าย หงุดหงิด อะไรแบบนั้น

เปิดวิทยุฟัง 93.5 ไม่ได้เป็นแฟนประจงประจำอะไรน่ะ แค่เอาไว้เป็นทางเลือกเวลาเบื่อคลื่นนั่นก็ไปคลื่นนี้ อะไรแบบนี้ ดีเจเปิดเพลงใหม่ของ เจ โล หรือเจนิเฟอร์ โลเปซ เพลง feel the light เราฟังแล้วก็ซึมซับเนื้อเพลงเข้าไปที่ละท่อน ทีละประโยค เก็บอยู่ในห้วงความรู้สึก ตามด้วย  A new day has come ของ Celine Dion

2 เพลงกระทบความรู้สึกเบื้องลึกอย่างรุนแรง มันไปกระทบบางสิ่งในหัวใจที่เราเองอธิบายออกมาไม่ได้ รู้แต่มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ อยากจะสู้ กระอักกระอ่วน อ่อนแอ เข้มแข็ง อุ่นที่หน้าอก รู้สึกวาบๆ เป็นช่วงๆ

อาจเป็นเพราะความรู้สึกบอบช้ำมากทางจิตใจ จากข้อหาร่าเริงเกินขนาด...เราถูกตัดสินประหารชีวิต เสียบหัวประจาร
ทั้งที่ไม่มีการไต่สวน จากคนที่เราคิดว่าสนิทสนม และรักมาก

วันที่เราลืมตาเห็นโลกใบนี้ครั้งแรก คือวันสุดท้ายที่เราอยู่ในครรภ์แม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของเกมชีวิต เราต้องปกป้องดูแลตัวเอง สิ่งดี สิ่งเลวจะหมุนเวียนกันเข้ามาราวกับกลางวันกลางคืน

คนดีอาจกลายเป็นคนเลว คนเลวพลิกเปลี่ยนเป็นคนดี น้ำตาลไม่ได้หวานอร่อยแต่มาพร้อมโรคร้าย บอระเพ็ดอาจขมปี้แต่มีฤทธิ์รักษาอาการป่วยไข้

เราขอเวลานอกสักแป่บได้ไหม..... 

21 พฤษภาคม 2558

ชีวิตของฉันหรือของใคร?

ตื่นมาในแต่ละวัน คุณไม่มีทางหรอกที่จะรู้ว่ามีสิ่งใดรอคุณอยู่
การจราจรที่โปร่งโล่ง เช้านี้ทุกอย่างสดใสไปหมด

เมื่อคืนยามเย็นทางฟ้าสีฟ้าใสมาก ดวงจันทร์เสี้ยวส่องแสงสีเหลือง ถัดขึ้นไปเป็นดาวดวงใหญ่ สีเหลืองเช่นกัน งดงาม น่ามอง ส่งท้ายวันสุดท้ายของขวบปีนี้

เรานั่งอ่านหนังสือ Norwegian wood มาได้ 200 กว่าหน้า ถึงตอนที่วาตานาเบะกลับออกมาจากสถานที่พักฟื้นในหุบเขา เงียบสงบสวยงาม และยังปรับตัวไม่ได้กับความเป็นเมืองที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

เราเองก็เดินทางไปกลับบ้านต่างจังหวัดกับย่านอนุสาวรีย์ชัย 2 วันครั้ง เราคงจะมีอาการแบบนี้อยู่บ้าง
เราไม่เข้าใจและออกจะทำตัวไม่ถูกสักหน่อยกับการอยู่ปะปนกับผู้คนในเมือง

ข้อหาไม่มีมนุษยสัมพันธ์ และข้อหาเริงร่าเกินขนาด
นั่นแหละที่สังคมตั้งข้อหาใส่เรา เราสับสนอ่ะ ยายมาหาเราที่ทำงานเพื่อด่าเรา...ทั้งที่เราไม่มีเจตนา
เราต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้คนอื่นพอใจ ต้องทำอย่างนี้ซิ.....เสียงต่างๆนาๆ ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนและเป็นตัวเองอย่างมีความสุข ก็น่าจะดีไม่ใช่หรอ

ทุกคนเป็นตัวของตัวเองได้....จริงๆหรอ

เราสับสนจริงๆ อ่ะวันนี้

18 พฤษภาคม 2558

ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ...อยู่ๆ มันก็หายไปเอง

ครั้งที่แล้ว เรื่องปัญหาผมร่วงของยาย..หายไป ได้เล่าค้างไว้ว่าการกลับจากสำรวจภวคสนามมีเรื่องน่าดีใจอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ..ก้อนนุ่มๆ ขนาดเท่าลูกปัดที่ติดอยู่ที่ข้อมือข้างซ้ายของเราหายไป....เย้ ดีใจมากยิ่งกว่าได้ทอง...แต่ถ้าได้ทองด้วยและก้อนถุงน้ำที่ข้อมือหายไปด้วยก็จะดีใจยกกำลังสองค่ะ

เล่าหน่อยละกันว่ามันมาได้อย่างไรไอ้ก้อนที่ว่าเนี่ย น่าจะเป็นช่วงเกือบ 3 ปีที่แล้วหลังจากหายจากอาการเคล็ดข้อมือ ที่มีอาการเรื้อรังอยู่นาน จนวันนึงเราไปบ้านป้า
ป้าก็ถามว่า ข้อมือที่เคล็ดหายรึยัง
เราบอกว่า ยังไม่หายเลย บางทีเผลอเท้าแขนลงน้ำหนักไปก็จะแปล่บไปทั้งแขนเลย
ป้าก็ว่าขอดูหน่อย
เสร็จแล้วก็จับที่เส้นเอ็นบริเวณข้อมือ แล้วนวดให้แกกดนิ้วรีดไปตามเส้นเอ็น และก็บอกว่าเส้นเอ็นมันแข็ง ดิ้นไปมาดังกึบๆ เลยน่ะเนี่ย ต้องนวดให้มันนุ่ม เราเจ็บมากที่สุดแทบน้ำตาไหล แต่แกบอกว่าต้องทนเจ็บถ้าอยากหาย
แล้วแกก็นวดต่อไป พอเสร็จแล้วก็ไปเอาใบพลับพลึงมาลนไฟ พอให้ร้อนๆ แล้วมาพันแขนซ้ายของเรา

หลังจากวันนั้นเราก็ลืมมันไปอาจจะเป็นเพราะมันหายหรืออาการชินเพราะเป็นมานานก็ไม่ทราบ หลายเดือนต่อมาเราเพิ่งสังเกตุเห็นว่าข้อมือเราหายเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เส้นเอ็นที่ปูดขึ้นมาพอเอานิ้วจับแล้วมันดิ้นไปมานั่นก็จมหายไปในข้อมือเราแล้วด้วย


เจ้าก้อนลูกปัดอยู่ในวงกลมสีแดงค่ะ ภาพนี้ถ่ายเมื่อปลายปีที่แล้ว

แต่.....แต่มีก้อนอะไรปูดออกมาขนาดเท่ากับเม็ดลูกปัดที่บอกไปแล้ว ขึ้นมาแทน ตอนนั้นก็ตกใจเพราะกดแล้วแข็งๆ เข้าใจว่าเป็นกระดูก เลยรีบพาแขนซ้ายไปหาหมอ นั่งรอคิวด้วยสิทธิประกันสังคมสองชั่วโมงกระมังกว่าจะได้พบหมอ จึงได้รู้ว่ามันเป็นของเหลวที่ออกมาจุกรวมกันเป็นก้อน  เราไม่ได้บอกหมอน่ะ ว่าเราเป็นอะไรมาก่อน แต่จากที่หมอบอกสาเหตุของการเกิดให้ฟังเราก็คิดว่าน่าจะมาจากการเคล็ดข้อมือของเรานั่นแหละ เพราะข้อมูลซ้ายของเราก็ไม่ได้ใช้งานหนักอะไร หมอบอกถ้ามันมีขนาดใหญ่ขึ้นก็กลับมาหาหมอใหม่ จะผ่าให้....เย้ย จะดีหรอ...
หลังจากนั้นเราก็เฝ้าดูอาการ...มันไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่เท่าเดิม และอยู่กับเราจนคุ้นชิน เราย้ายนาฬิกามาไว้ข้อมือขวา เพื่อจะได้ไม่ไปกดทับเจ้าลูกปัดนั่น

และเมื่อถึงเวลามันก็หายไป..โดยไม่ทิ้งข้อความบอกเราเลยสักนิด เราไม่เคยรู้และไม่เคยคิดว่าอาการนี้มันจะหายได้เอง น่าเสียดายที่เราก็ไม่ได้ถามหมอด้วยสิ ในเรื่องนี้

เรื่องมีอยู่ว่าเราไปสำรวจภาคสนามจังหวัดศรีษะเกษ ซึ่งเราก็ถือโอกาสควบคุมอาหารด้วย ฮิฮิ เพราะรูปร่างชักจะใหญ่โตมากเกินไปหน่อย เสื้อผ้าที่เคยใส่ก็พากันหดเล็กลงจนรัดติ้ว

มื้ออาหารของเราส่วนใหญ่จะเป็นไข่ ผักใบเขียว ปลา กุ้ง (ปกติเราไม่ค่อยกินกุ้งน่ะ) แต่เรากินกระเพราะกุ้งที่นี้อร่อยดี ก็เลยกินบ่อยหน่อย  น้ำผึ้งกินตอนเช้ากับก่อนนอน และงาดำ มายบาซินซิงค์ด้วย เรากินติดต่อกันประมาณสี่ห่อ หรืออาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย เพราะอยากลองว่าผมจะหยุดร่วงไหม โยเกริต ออกกำลังกาย สองวันครั้งๆ ละครึ่งชั่วโมงเป็นเวลาทั้งสิ้น 20 กว่าวัน


กลับมากรุงเทพ เราก็ยังไม่ได้เห็นว่าลูกปัดนั้นยังอยู่ไหม จนผ่านมาประมาณเกือบสัปดาห์เราก็ประหลาดใจบวกดีใจในสิ่งที่พบคือ ลูกปัดนั้นหายไป เราเคยคิดว่าจะต้องอยู่กับมันตลอดไป และเคยคิดว่าจะเอาเข็มฉีดยาดูดออก แต่เราไม่กล้าหรอกนะ แค่คิดเล่นๆ ไปงั้นน่ะ  แล้วมาตอนนี้มันหายไป

เราเล่าเรื่องนี้ให้ยายจุ๋มฟัง แกบอกว่าเป็นเพราะเธอไม่กินเนื้อสัตว์ไง!!!

ก็อาจจะใช่น่ะ เพราะช่วงนั้นเราก็ไม่กินเนื้อสัตว์ จะมีก็แค่ปลากับกุ้ง แต่ที่เราเขียนเล่าว่าถึงอาหารที่เรากินในช่วงนั้นมาด้วยก็เพราะเราคิดว่ามันอาจจะพอมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ หรือใครที่กำลังเป็นเหมือนเราอยู่  หากจะลองดูก็น่าจะไม่เสียหาย และถ้ามันหายได้เหมือนกัน ก็จะเป็นประโยชน์มาก ก่อนหน้านี้เราก็เสิร์ช หาวิธีรักษาจากในเน็ทมาเป็นแนวทางเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเจ็บตัวน่ะ เพราะไอ้เจ้าก้อนนี้มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแค่มันทำให้ข้อมือดูปูดโปนเท่านั้นเอง......

แล้วถ้าหากเพื่อนคนใดได้ลองแล้วทราบสาเหตุที่ทำให้ก้อนลูกปัดหายไป รบกวนเล่าให้เราฟังด้วยน่ะ...เออ


15 พฤษภาคม 2558

เตรียมตัวสอบ กพ. อย่างไรให้ผ่าน

ช่วงนี้ก็เข้าสู่ช่วงของการเตรียมสอบ กพ. อีกครั้งสำหรับคนที่อยากจะสมัครเข้าสอบแข่งขันราชการ
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่ง ที่สอบผ่าน กพ. มาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็อยากมาเล่าให้ฟังว่าเราเตรียมตัวสอบ กพ. ให้ผ่านได้อย่างไร .

เราได้ยินเพื่อนๆ ไปสอบกันแต่ไม่เคยคิดอยากสอบเองเลย มีอยู่ปีนึงน้องสมัครสอบ แล้วก็เอาหนังสือมานั่งอ่านเราก็ไปช่วยทำโจทย์อนุกรมกับน้องน่ะ อ่อ มันเป็นข้อสอบที่สนุกดีที่เดียว ไม่ยาก แต่ก็ท้าทาย
เลยเริ่มสนใจสอบเองบ้างมี 3 ปีที่แล้วเราก็เลยลงสมัครสอบ ตอนนั้นเรียนจบป.โทพอดีก็เลย สมัครสำหรับป.โท เพราะคิดว่ามันคงจะรวมตรีด้วยมั้ง...

ทิ้งระยะเวลาระหว่างช่วงสมัครกับสอบนานพอดูเลยทีเดียวแต่เราก็ไม่คิดจะอ่านหนังสือหรือดูข้อสอบสักตัว ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองเก่งหรืออะไรหรอกน่ะ เพราะเราอยู่ห่างไกลกับคำว่าเก่งหลายกิโลนัก แถมยังมียอดเขาสูงกั้นอีกต่างหาก..ปาดเหงื่อที พยายามจะคบหากับคนเก่ง เพราะจำมาจากภาษิตที่ว่า "คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล"  บางก็ว่าอยากรวยก็ต้องคบคนรวย อยากเป็นอย่างไรก็พาตัวเองงเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้น อะไรแบบนี้ แต่มันก็ได้ผลน่ะ แต่โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอเป็นเรื่องการสอบ กพ. ก่อน

เล่ามาตั้งนานยังไม่เข้าเรื่องเลย...
บอกไว้ก่อนนาาา....นี้เป็นเทคนิคที่เราใช้ตอนสอบครั้งแรก
1. อ่านหนังสือหนักมากพอสมควรประมาณสองสามชม. ต่อวัน สิบวันก่อนสอบ
2  หาหนังสือคู่มือสอบกพ.มาอ่านเราซื้อมาจากร้านหนังสือในตัวเมืองสตูลน่ะ ...แต่ใครจะซื้อจากที่ไหนก็ได้ตามสะดวก

(เล่านิดหนึ่ง ตอนนั้นเราต้องออกสำรวจภาคสนามจังหวัดสตูลพอดี และกลับมาจากสนามจะมีเวลาประมาณ 1 อาทิตย์เราก็จะเข้าสนามสอบ กพ. ต่อ ก็เลยต้องไปหาซื้อหนังสือที่นั้น ..อืมมันเป็นอย่างนี้นี่เอง)

3. หลังจากเปิดหนังสือเล่มหนาเราก็นั่งทำข้อสอบไปเรื่อยๆ และมีความคิดว่าเราไม่มีทางสอบผ่านได้หรอกถ้าทำแบบนี้

ช่วงนั้นมีเพื่อนๆ แซวว่าขยันจริ้ง..คือว่างก็อ่านๆ น่ะ  กลัวเสียหน้าถ้าสอบไม่ผ่าน อิอิ เลยต้องคิดหาวิธีอื่นที่จำทำให้สอบผ่านกพ.

4. เราทราบมาว่าการสอบ กพ. นั้นต้องการคะแนน 60 เปอร์เซ็นจึงจะถือว่าสอบผ่าน
5.  List เรื่องที่ออกสอบทุกปี และบางปีออก บางปีไม่ออก ใส่ในสมุดเตรียมสอบของเราหน้าแรกเหมือนเป็นสารบัญเลย
6. กลับไปนั่งดูว่าเรื่องไหนที่ออกตลอดและออกหลายข้อ ซึ่งคร่าวๆ สำหรับเราก็จะมีเรื่อง อนุกรม 5 ข้อตลอด เงื่อนไขทางสัญลักษณ์ เงื่อนไขทางภาษา คณิตศาสตร์ทั่วไป พวกปักหลัก จับมือ แจกบัตรอวยพรอะไรทำนองนี้จะออก และค่อยข้างจำง่าย เก็บสูตรไว้ในใจด้วยการหาโจทย์หลายๆ แบบมาลองทำ
เราเน้นที่คณิตศาสตร์น่ะ  เพราะน่าจะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า แต่ภาษาไทยก็ไม่ทิ้ง แค่แอบท้อ..คริคริ
ลองทำโจทย์ดู ตอบไปคนละทิศทางกับที่เค้าเฉลยทุกที....ถ้าไม่จำผิดข้อสอบมี 80 ข้อน่ะ

ตอนนั้นเราก็นั่งคิดเป็นเปอร์เซ็นออกมาแล้วอย่างน้อยเราได้ 48 ข้อ แต่เอาให้ชัวร์ต้องสักหกสิบ หรือจะห้าสิบก็ยังไหว...แบบคนชอบลุ้น เผื่อคิดผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัย

7.เข้าสู่โหมดของการฝึกฝนเรื่องที่เราชอบและถนัด หรือคิดว่าทำได้ดี ก็เน้นไปที่เรื่องนั้น ส่วนเรื่องไหนไม่ชอบ ไม่พร้อม ไม่อยากทำ ที่สำคัญมีออกบางไม่ออกบ้าง ลืมมันไปเลย

8. เรื่องไหนที่เป็นเทพแล้ว ก็เอาปากกาไปติ๊ก หรือจะวาดการ์ตูนสวย..เอาไว้ในหัวข้อเรื่องนั้น ที่เราลิสท์ ไว้หน้าแรกในสมุดเตรียมสอบเลย และฝึกเรื่องอื่นต่อไป จนมั่นใจว่าเพียงพอแก่การสอบผ่านแล้วก็หยุด

9.เราทำความเข้าใจวันละเรื่อง บางวันก็ 2 เรื่อง แต่เราไม่อ่านปนกันน่ะ เพราะสมองเรามันจะเอ๋อ..แยกไม่ออกขึ้นมาทันทีถ้ารับข้อมูลมากเกินไป แต่ถ้าใครอัดได้ก็ตามสะดวกเลยค่ะ

10.ไปสอบข้อนี้สำคัญมาก...เพราะถ้าไม่ทำข้อนี้ไม่ผ่านแน่นอน  อย่าลืมเอาดินสอ 2ฺB ขึ้นไปสองแท่งก็ได้ ยางลบ ปากกาด้วยไหม? บัตรประจำตัว บัตรเข้าสอบ ไปให้เรียบร้อย เพราะคนสอบเยอะ ก็ต้องเผื่อเวลาการเดินทางนิดนึง ถ้าจะให้มั่นใจก็ศึกษาเส้นทาง สถานที่สอบให้ชัวร์จะได้ไม่ต้องมั่วและตื่นเต้นเหมือนเรา

เมื่อปีที่แล้วเริ่มมีการสอบเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรก ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ที่เราไปสอบ  เค้าจะให้เราสอบวิชาความรู้ทั่วไปก่อน และพักประมาณ 15 นาทีไปห้องน้ำได้น่ะคะ เรายังลงไปเข้าห้องน้ำเลย ผ่อนคลาย ยืดเส้น ยืดสายหน่อย แล้วก็มาสอบภาษาอังกฤษอีก 25 ข้อ ปีที่แล้วภาษาอังกฤษก็จะเป็นการเติมคำทำประโยคสนทนาให้สมบูรณ์  จำไม่ค่อยได้ล่ะ แต่เพื่อนๆลองฝึกทำในเว็ป กพ.ก็ได้น่ะ เราว่ารอบที่แล้วที่สอบภาษาอังกฤษในเว็ปกพ. ยังยากกว่าข้อสอบจริงอีกน่ะ ต้องส่วนภาษาอังกฤษเค้าต้องการ 50 เปอร์เซ็นต์ จึงจะถือว่าผ่าน

ยังไงก็สู้ๆ ละกัน ที่พูดมาเพราะเทคนิคนี้ทำให้เราสอบผ่าน กพ. ในครั้งแรกที่ไปสอบน่ะ
แต่ครั้งที่ 2 เราไม่ผ่านอ่ะ ....อ่อ แล้วเราไปสอบครั้งที่ 2 อีกทำไม ยังไม่พอยังมีครั้ง 3 ด้วย ไว้ครั้งหน้าจะเล่าให้ฟังค่ะ

ขอบคุณยายจุ๋มมากๆ ด้วยที่ช่วยดุว่าให้เราอ่่านหนังสือ แถมยังเป็นเดือดเป็นร้อนพาเราไปสอบอีก..
และขอให้เพื่อนๆ ที่มาอ่าน blog นี้สอบผ่านทุกคนนะคะ......


10 เรื่องเด่นที่มักเจอในการสอบ กพ.
เตรียมสอบ กพ. การเรียงประโยค 


14 พฤษภาคม 2558

ปัญหาผมร่วงของยาย...หายไป

แอนแอ๊นนนน....มาแล้ว แอบสงสัยมานานแล้วว่าทำไมช่วงนี้ยายดูมั่นใจกับศรีษะ เน้นที่เส้นผมอ่ะนะ ช่วงปีที่แล้วยังเห็นยายมีปัญหาผมร่วงเลยเอายางรัดผมช่วงกลางศรีษะแถวๆ ขวัญมารวมกันเป็นหย่อมเล็กๆ คล้ายจะทำให้เห็นเป็นการทิ้งตัวของเส้นผมไปตามธรรมชาติ ทั้งที่การทำแบบนั้นของยายตั้งใจจะปกปิดหนังศรีษะที่เด่นออกมาเป็นวงกลมนอกเส้นผมต่างหาก...เราเคยขอดูด้วยแต่แกหวงพื้นที่วงกลมนั้นสุดๆ จนเราต้องยอมแพ้

ส่วนหลังจากนั้นเราเองก็จำไม่ได้ว่ายายแกไปทำอะไรมายางรัดผมเส้นนั้นถึงหายไป วงกลมวงนั้นก็หายไป แต่มันดูเป็นธรรมชาติเสียจนเราไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติก็เท่านั้นเอง

และแล้ว เราก็มาเห็นหนังสือที่ยายจุ๋มอ่านก็เลยนึกขึ้นได้ ว่าลืมไปว่ายายเคยผมหาย...
มันเป็นฮาวทูของการป้องกันผมร่วง...ไง
ข้อ 1.การขาดสารอาหารพวกธาตุเหล็ก สังกะสี และไบโอติน จำได้ต้นปียายเห็นเราผมร่วงมากยายบอกให้ไปกินมายบาซิลซิงค์ เราก็บ้าพอที่จะไปซื้อมากินน่ะ กินมันประมาณสี่ห่อ หรืออาจจะมากกว่าแต่ไม่เกินแปดแน่นอน ผมไม่ร่วงแบบเห็นได้ชัด...ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อน่ะ แต่ถ้าจะหาเหตุผลให้เพียงพอ ก็พอจะบอกได้เพิ่มเติมว่าช่วงนั้นออกภาคสนามกินไข่เป็นหลัก ผักคะน้า กุ้งปลา ส่วนใหญ่เน้นผักกับผลไม้และออกกำลังกาย ก็ไม่ทราบว่าหลายๆ อย่างรวมกันหรือว่าอะไร

การกลับมาจากออกสำรวจภาคสนามรอบนั้นมีเรื่องน่าดีใจสำหรับเรานอกจากผมหยุดร่วงแล้ว ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือยังหายไปด้วย  ใครเป็นอยู่ลองอ่านดูเป็นแนวทางนะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว
มาต่อกันที่ข้อ 2. ความเครียด ก็ทำให้ผมร่วงด้วยนะเอ่อ

3. โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง อันนี้มีรายละเอียดที่ต้องสังเกต นอกจากผมร่วงแล้วจะมีอาการคันและรอยไหม้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไปหาหมอด่วนเลย

4 นอกจากแสงแดดจะทำร้ายผิวแล้ว ยังทำทำร้ายผมมมมด้วย...แสบจริงๆ มิน่ายายจุ๋มถึงกลัวแดดเสียเหลือเกิน..

5. มัดผมเน้นเกินไป บางคนก็ปวดหัว แต่ผมมันจะร่วงด้วยน่ะโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ไม่อยากเหม่งหรอ? คริคริ..

6.ลดน้ำหนักก็ผมร่วง โอโฮ้..อันนี้ใจร้ายมาก....คนอยากผอมทุ่มสุดตัวลดน้ำหนักสุดท้ายหัวล้านแทน..คิดหนักเลยน่ะเนี่ย แต่เค้าบอกว่าต้องลด  30 โลขึ้นน่ะร่างกายมันจะช็อกอะ ก็เลยทำผมร่วง แต่มาคิดๆดูเราก็รู้จักคนที่มีน้ำหนีกมากกว่า100 กิโล และลดน้ำหนักลงมาอยู่ที่80บ้าง90บ้างก็ยังเห็นผมหนาเป็นปกติดีน่ะ หรือว่าเงื่อนไขนี้มันต้องมีตัวแปรอื่นร่วมด้วยรึเปล่า..

7.มากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ได้ ข้อนี้เค้าว่าวิตามินเอ ในรูปอาหารเสริมอ่ะจะทำให้ผมร่วง คลื่นไส้วิงเวียนและผิวเป็นจ้ำ


หมดล่ะ ยังไงก็ลองดูน่ะ
เราอ่านเจอในหนังสือชีวจิตน่ะไม่ได้ศึกษาเองแต่ประการใด พอดีเห็นมันวางอยู่ในกองหนังสือของยายก็เลยคิดว่ามันเคยมีประโยชน์กับปัญหาผมร่วงของยายจุ๋มมาแล้วก็น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนที่อาจจะบังเอิญประสบปัญหานี้อยู่เช่นกัน

13 พฤษภาคม 2558

รับหนังสือ สักเล่มไหมคะ?

วันนี้ วันพืชมงคล...ตอนเด็กเราก็นั่งนั่งดูว่าวันี้พระโคจะกินอะไร และโหรจะทำนายว่าอย่างไร
แต่เช้านี้ตื่นมาก็นั่งอัพเดทงานและส่งให้เจ้านาย และแวะมาดูหน้าบล๊อกยายจุ๋มจอมแสบเสียหน่อย
ไม่ได้เขียนหลายวันแล้ว

มีเรื่องยุ่งๆ ต้องจัดการและส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะหนังสือวิมานลอยที่เขียนไว้เมื่อครั้งก่อน (ที่นี้) มันเป็นเรื่องราวที่สนุกจริงๆ ถึงมันจะหนามาก และคาดว่าจะใช้เวลามากแต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเราอ่านได้วันล่ะ 100 กว่าหน้า ช่วงก่อนนอน กับหลังมื้อกลางวันน่ะ แต่แย่นิดคือ ช่วงมื้อกลางวันพอกินข้าวเสร็จ หยิบหนังสือมาอ่านได้ไม่เกินสิบหน้า หรืออาจจะเพียง 5 หน้าด้วยซ้ำ เปลือกตาก็หนักจนลืมไม่ขึ้นทุกที

อ่อ ระหว่างอ่านเล่มนี้ ทำให้เราคิดถึงตัวละคร ยูกิโฮะ ในเรื่องอาทิตย์เที่ยงคืน ซึ่งอ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกันทำให้เราเข้าใจยูกิโฮะมากขึ้นน่ะจะเรียกแบบนี้ก็คงได้

You are What you read!! ต้องประโยคนี้เลยอ่ะ

หนังสือดีดีสักเล่มในวันหยุด ช่วยให้เรามีทางออกกับด้านมืดของคนโดยไม่ต้องออกแรงเลยล่ะ
รับหนังสือ สักเล่มไหมค่ะ.....



9 พฤษภาคม 2558

gone with the wind ( วิมานลอย)

วันเสาร์เราก็ได้พักกันอีกแล้ว
สถานที่พักผ่อนและความสุขจากการพักผ่อนของแต่ละคนก็ต่างกัน
บางคนชอบเดินชอปปิ้ง บางคนชอบนอนพักผ่อนบางคนชอบทำอาหารพิเศษ
บางคนนั่งดูหนังบางคนและเกมส์

บางคนอาจปลูกผัก บางคนนัดสาว นัดหนุ่มอยู่กับคนรัก
บางคนก็ขออยู่กับหนังสือดีดีสักเล่ม

วันนี้เราจะอ่านหนังสือดีดีสักเล่ม คริคริ
ในนิยามของเราหนังสือดีคือหนังสือที่อ่านแล้วสนุก และก็ยังส่งเสริมให้เราคิดดีทำดีจิตใจเบิกบาน
พอปิดหนังสือแล้ว มันแค่อยากยิ้ม..

เราอ่านหนังสือที่เล่มหนาชื่ออาทิตย์เที่ยงคืนเป็นของนักเขียนญี่ปุ่น ความหนากว่าพันหน้าจบไปแล้ว
ก็อยากอ่านหนังสือที่ตัวละครในเรื่องอ่าน ยายจุ๋มบอกว่าหนังสือวิมานลอยที่ยูกิโฮะ...ตัวละครนำฝ่ายหญิงอ่านนั่นยายมี

พร้อมกับจะให้เรายืมอ่านด้วย



วิมานลอย หรือ gone with the wind เป็นงานของมาร์กาเร็ตมิตเชลล์ เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์สมัยสงครามกลางเมืองของอเมริกาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ปี1937

เนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักชีวิต สิ่งที่ทำให้เราประทับใจและเกิดความสนใจต่องานชิ้นนี้สิ่งแรกก็คือหนังสือเล่นนี้เกิดขึ้นมาได้เพราะเธอได้รับบาทเจ็บที่ข้อเท้าจนไม่สามารถไปทำงานเป็นประจำทุกวันได้จากนั้นสามีของเธอก็เลยแนะนำให้เธอเขียนนวนิยายซึ่งใช้เวลานานถึงสิบปี โปรเจ็คยาวทีเดียวนี่เป็นส่วนหนึ่งจากคำนำของสำนักพิมพ์

ส่วนเนื้อหานั้นเดี๋ยวเราจะเริ่มอ่านวันนี้แหละใครสนใจก็อ่านไปพร้อมๆกัน..น่ะจะได้มาคุยกันหนังสือความยาว1184 หน้า..ขอเวลาสักหนึ่งเดือนน่าจะจบแต่ถ้าจะให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่เขียนอาจจะยืดเวลาอ่านให้นานขึ้นอีกหน่อย....ถ้าไม่เกรงว่าคนที่มาต่อคิวจะสวดน่ะนะ

"นวนิยายที่ผู้ชื่นชอบศิลปะแห่งนวนิยายไม่อาจพลาดได้" วลีหนักปิดหลังหนังสือ

8 พฤษภาคม 2558

ไข่ขาวติดเปลือกไม่ใช่เรื่องยาก

เวลาแกะไข่ขาวมันติดเปลือก อยากให้มันปอกง่ายๆ สวยๆ ไม่ติดเปลือกป่ะ
ฉันพบวิธีโดยบังเอิญแหละ ยายจุ๋มเริ่มโม้.....
.
แต่มันก็น่าสนใจจริงๆ น่ะ ทำยังไงหว่า..าา
ถ้าต้มไข่แล้วแกะเปลือกไม่สวย ผิวไม่ใส่ มันดูไม่ค่อยน่าชวนใครกินเท่าไหร่

ทำไงอ่ะยาย...บอกหน่อยสิ ฉันแสร้งเป็นอยากรู้ แต่จริงๆ ฉันก็อยากรู้จริงๆ แหละ

ก็ทำอย่างนี้ไง
เธอเอาไข่ต้ม มาทุบเปลือกมันให้ร้าวไปรอบรอบๆ ใบ แล้วก็โยนใส่หม้อต้มต่ออีกแป๊บแล้วเอามาแกะเปลือกออก เท่านี้เอง..

แบบนี้ถ้าอยากทำไข่ตานี ดูวิธีทำไข่ตานีได้ ที่นี้
เราก็ต้องเผื่อเวลาไปอีกนิดหนึ่งใช่ไหม ....เราก็ยังงไม่ได้ลองน่ะ เพราะส่วนใหญ่เวลาต้มไข่ แม่จะบอกให้เราเอาไข่เก่ามาต้มเพราะมันจะแกะเปลือกง่าย แบบไม่ต้องมีขันตอนสับซ้อนแบบของยายจุ๋มอ่ะค่ะ 

7 พฤษภาคม 2558

เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของยายจุ๋ม


ยายจุ๋มเป็นคนที่มีอายุแล้ว ตอนนี้ก็เกิน 60 ปีไปแล้วเรียบร้อยค่ะ
ตอนที่ยายเกษียณเราอยู่ที่ซาอุ พอกลับมายายก็ว่ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง
ยายเริ่ม คนที่ทำพรีเซ็นเตชั่นงานเกษียณเค้าไม่เชื่อว่าฉันอายุ 60 พูดแบบภาคภูมิใจ และยังมีอีกน่ะ ตอนขึ้นเวที มีคนบอกว่า ฉันขึ้นไปยืนบนเวทีทำไมตอนที่เค้าให้คนเกษียณขึ้นไปพูดน่ะ ส่วนผอ.สำนักซากก็มาถามด้วยความแปลกใจว่าพี่เกษียณแล้วหรอ

เกริ่นมาให้ฟังจะได้อยากรู้เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของยายจุ๋มค่ะ
เอารูปมาให้ดูก่อนดีกว่า

ยายจุ๋มค่ะ
 เป็นไงค่ะรูปนี้ พอจะเห็นเป็นคนอายุ 60 ไหม?
เคยคุยกับยายจุ๋มตอนแรกๆ ว่ายายมีเคล็ดลับอย่างไรถึงได้ดูไม่แก่เลย


ยายว่าตอนเด็กแกชอบกินทับทิม ใช่แล้วค่ะ ลูกทับทิมสีแดงๆ ที่เม็ดเยอะๆ หวานๆ อร่อยๆ นั่นแหละ ถ้าแกเห็นก็จะตรงดิ่งไปซื้อกินทันที

แกจะต้องนอนเยอะๆ สิบชั่วโมงคือความพอดีของแก และไม่นอนดึกยกเว้นมีหนังสนุกหรือบางวันเท่านั้น

และตอนที่แกยังทำงานอยู่แกจะนอนหลับตอนกลางวันหลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จ



กินฝรั่ง (ฝรั่งดีจริงจริงนะเออ) กินกล้วยดิบด้วย เราจำได้ว่าแม่เคยบอกว่ากินกล้วยดิบแล้วจะทำให้ริ้วรอยลดลงดูอ่อนวัยขึ้น ยายแกไม่สนเท่าไหร่มั้ง แต่ไม่นานต่อมาแกก็มาบอกเราว่ากินกล้วยดิบอะดี
มีคนจากระทรวงสาธารณสุขมั้งมาพูดในรายการทีวี ต่อไปนี้ฉันจะต้องหากล้วยดิบมากิน
และหลังจากนั้นแกก็ซื้อกล้วยต้มมากินทุกวัน แต่มันไม่อร่อยน่ะ ติดที่ว่ามันมีประโยชน์ ยายแกก็กินหมดบ้างไม่หมดบ้างแต่ต้องซื้อทุกวัน

ยายจุ๋มที่เชียงใหม่
ต่อมาก็เข้าสู่ยุคมะละกอดิบ แต่อันนี้เราไม่ค่อยได้เห็นว่ายายกินเท่าไหร่ เพราะมะละกอดิบมันจะกินแบบต้มหรือเป็นส้มตำก็จะหากินง่ายกว่า แต่ยายเป็นคนกินอาหารไม่เผ็ด เราก็เลยไม่ค่อยชอบให้ยายกินส้มตำเพราะเราต้องกินด้วยและรสชาติมันไม่ซะใจเราเท่าไหร่

คอลลาเจนยายก็กินน่ะ ช่วงแรกๆ ที่เค้าเริ่มฮิตกินกัน แต่มาช่วงหลังก็ไม่ค่อยเห็นแกกินล่ะ จะมีบ้างก็เมื่อวันก่อนแกกินน้ำเต้าหู้ผสมคอลลาเจน 0.1 (น้อยไปไหม)

ยายไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่แต่งหน้าจัด ที่เคยเห็นก็เพียงแค่ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื่นแล้วก็ครีมกันแดด แป้งพลับหรือแป้งฝุ่น ปัดลิปสติกลงริมฝีปากพองามเท่านั้นเอง
กลางคืนก็บำรุงผิวก่อนเข้านอน

เท่าที่พอจะรู้ก็เท่านี้นี่เอง ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะเอามาเล่าใหม่น่ะ

แต่ถ้ายายโกรธคงต้องลบออก...แฮ่ๆ

ปล. ยายจุ๋มแกกลัวแดดสุดๆ น่ะค่ะ เพื่อนๆ อ่านแล้วมีเคล็ดลับอะไรพิเศษๆ ทิ้งความเห็นไว้เป็นวิทยาทานเพิ่มเติมได้นะคะ 






ดีที่สุดคือการให้ (ไม่มีที่สิ้นสุด)

ยายจุ๋มจอมแสบ


ถ้าเป็นคนเก่งจะเก่งกว่านี้ได้ไหม ถ้าเป็นคนดีจะดีกว่านี้ได้อีกมั้ย

ฟังเสียงสปอตนี้ขณะกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่ไม่รู้จะทำอะไร เหนื่อยท้อ เบื่อกับวิถีชีวิตเดิมๆ
รถติดยามเช้าก็สะกัดต่อมสร้างสรรค์หายไปครึ่งแล้วกว่าจะถึงที่ทำงาน เซ็นชื่อสายกลับบ้านดีกว่า ลาป่วยมันซะเลย สิ้นปีเงินเดือนไม่ขึ้นเพราะสายมากเกินไป  เจ๋ง..ชีวิตคนอยู่เมือง

แต่สปอตนี้ฟังแล้วฟื้นอ่ะ เพราะประโยคต่อมาคือ ดีที่สุดคือการให้ไม่สิ้นสุด สิงห์  บลา บลา บลา
ขอบคุณที่ยังมีโฆษณาสร้างสรรค์ดีดีให้ฟังในเช้านี้

อ่อ..แล้วชีวิตเราจะให้อะไรได้บ้างเนี่ย 
มีรถกระบะสีขาวเปิดไฟขอแทรก สีส้มวาบๆ
...เคร..เข้ามาเลยพี่กระบะ...

แบบนี้นี่ไงการให้ เราให้แล้ว  เย้!!....แบบไม่ต้องเสียอะไรด้วย เยี่ยมมากเลย
เว้นเสียแต่ว่าพี่กระบะคันนั้นต้องการข้ามไปเลนส์เลี้ยวซ้ายทำให้เรากับพรรคพวกข้างหลังที่พร้อมจะไปตรง ต้องมานั่งฟังโฆษณาหาแรงบันดาลใจรอไฟเขียวรอบใหม่ผ่านมา...ภาวนาว่าคันหลังคงไม่นั่งสวดส่งเราน่ะ 




6 พฤษภาคม 2558

ชอบกินไข่ต้มต้องไข่ตานี

ไข่นั้นดีมีประโยชน์ แถมอร่อย กินได้บ่อยไม่เคยเบื่อ โดยเฉพาะไข่ไร้น้ำมัน หรือไข่ต้ม เราค่อนข้างโปรดปรานเป็นที่สุด และเชื่อว่าหลายคนก็ชอบด้วยเช่นกัน ไข่ต้มกับ ข้าวสวยร้อนๆ พริกน้ำปลา
ร้านอาหารตามสั่งไม่ค่อยมีไข่ต้มให้กิน เคยถามยายจุ๋ม..ยายว่าเป็นเพราะต้องใช้เวลามั้ง ร้านค้าก็เลยเน้นพวกทอดๆ ที่มันเร็วๆ มากกว่า อย่างที่เราเห็นก็จะมีแต่คนสั่งไข่เจียวไข่ดาว ข้าวผัดไข่อะไรพวกนั้น
อีกทีก็จะเป็นร้านข้าวราดแกงที่เค้าต้มไว้เยอะเลยที่เดียว  และไข่ต้มจะให้อร่อยต้องสุกพอประมาณหรือไข่แดงเยิ้มกำลังดี

เรามีวิธีต้มไข่ให้เป็นยางมะตูมหรือไข่ตานีมาฝาก

ล้างไข่ให้สะอาด ใส่ลงไปต้มในหม้อจับเวลา 6 นาที เป๊ะเอาไข่ออกมาใส่ลงไปในน้ำเย็น ให้ไข่ลดอุณหภูมิลงมาเท่ากับอุณหภูมิห้อง
ไข่ขาวนิ่มเด้งๆ และไข่แดงจะเยิ้มเลย

เลยเวลา6นาทีแช่ไข่ทิ้งไว้ในน้ำร้อนจะได้ไข่ขาวแข็งและไข่แดงสุกเป็นสีส้มๆ ออกเหลือง

ชอบแบบไหนก็ลองทำดูน่ะเออ...อ้อ..อันนี้สำหรับไข่ไก่นะถ้าไข่เป็ดต้องเพิ่มเวลาอีกนิด
ขอให้อร่อยกับไข่ต้มตานีนะคะ

ยายจุ๋มอยากใส่กำไลข้อมือ

ยายจุ๋มอยากใส่กำไลข้อมือ

 ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาแอบเห็นยายนั่งชื่นชมเม็ดแร่สีสวยๆ  และพูดถึงแร่ชนิดหนึ่งที่ขายออนไลน์แกบอกว่ามันสีฟ้า แต่แกจำชื่อไม่ได้ และแกอยากได้มันมาก

kyanite ของอาจารย์
ยายว่าเค้าขายราคาประมาณ 4000 บาทแต่ถ้าฉันจะเอาคนขายจะลดราคาให้พิเศษ แต่แกบอกว่าพิเศษเท่าไหร่ไม่รู้
เราเลยแซวว่า 3900 คริคริ
แต่เราอยากรู้มากเลยว่ามันแร่อะไร ที่ทำงานเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านหิน ด้านแร่เยอะ ตัวยายเองก็น่าจะพอซึมซับไปบ้าง 

อาจารย์ที่มานั่งทำงานอยู่ในห้องเดียวกับเราท่านก็ชำนาญเรื่องแร่เป็นพิเศษ ก็เลยถามอาจารย์ว่าคิดเห็นอย่างไรกับสร้อยหินสีฟ้า

อาจารย์ว่า มันคือ kyanite หรือเปล่า ผมก็มีซื้อมาจากเยาวราชราคาไม่กี่บาท แต่ซื้อมานานแล้ว

แกบอกว่าของที่เค้าขายออนไลน์ใส่เงินเข้าไปด้วย และเม็ดใหญ่กว่าของอาจารย์ น้าติ๊กก็ใส่เหมือนกัน ซื้อมา 3000 กว่าบาท เม็ดใหญ่แต่ไม่รู้ว่าของแท้ไหม

ก็เลยถามผู้เชี่ยวชาญว่า kyanite มีเยอะไหมค่ะในธรรมชาติ
อาจารย์ว่า ไม่เยอะ
ถ้างั้นมีโอกาสที่ร้านจะทำปลอมมาขายไหม
อาจารย์คิดว่าอาจจะเป็นแร่ตัวอื่นที่มีสีคล้ายกัน ก็จะมี ลาปิส กับโซดาไลท์ ซึ่ง 2 ตัวนี้จะราคาถูกกว่า
อย่างไรก็ลองหาความรู้ก่อนไปซื้อน่ะค่ะยายเดี๋ยวมานั่งเสียใจแบบครั้ง สร้อยซวารอฟสกี้อีก



ยายจุ๋มอยากนั่งรถไฟ

 เจ้านิก ฉันอยากจะนั่งรถไฟเล่น
เฮ้ย ยายจุ๋มอยากนั่งรถไฟ เป็นบ้าอะไรเนี่ย...อยู่ดีดี ก็อยากนั่งรถไฟ ขาแข้งก็ไม่ค่อยจะดี
ถ้ายายเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะช่วยยาย..เค้าก็อุ้มยายไม่ไหวหรอกน่ะ
ตัวใหญ่ขนาดนั้น
 เราตอบยายกลับไปว่า ยายจะนั่งรถไฟจริงๆ หรอ
                  ยายจุ๋ม: รถไฟใครก็นั่งได้ ไม่ใช่รถไฟเหาะนี่หว่า เชอะ
                                  มาเร็ววว พาฉันไปหน่อย
                     งั้นเป็นรถไฟเที่ยวเย็นนั่งกลับบ้านละกันน่ะ แต่คนเยอะ
                     และก็ยายห้ามบ่นด้วย ขอเตือน!


ยายจุ๋ม
                     รถไฟทะยานมาถึงสถานีมักกะสันคนก็เริ่มเยอะถึงเยอะมากแล้ว ที่ยืนก็เริ่มลดน้อยลง จนแทบจะเหลือแค่ปลายจมูกยื่นมาให้หายใจรับกลิ่นเหงื่อของใครต่อใคร คุณยายเองก็เริ่มหงุดหงิด
 เป็นอย่างไรบ้าง

คนมันเยอะแบบนี้ทุกวันหรอ
ทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะ  ..
                                       ขอถอนหายใจแป๊บได้ป่ะ
........เดี๋ยวเราลงสถานีหน้าแล้วน่ะ
เราค่อยๆเบียดแทรกใครต่อใครออกมาจนถึงหน้าประตูทางลง เล่นเอายายหอบ
และเข็ดไปชั่วชีวิตแหละเราว่า
แล้วพายายขึ้นรถสองแถวสีแดง เวลาตอนนี้ประมาณทุ่มครึ่ง
อากาศกำลังระอุ คนกำลังเยอะ และร่างกายแต่ละคนคงเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน

เราพายายเดินปาดขึ้นไปบนรถสองแถวแบบไม่ต้องคิด ไม่มีที่นั่งว่างหรอกยามนี้ ตีตั๋วยืนอย่างเดียว
ยายชวนไปคันถัดไป แต่เราคิดว่าแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ปรากฎว่ารถติดมาก ยายหงุดหงิดออกหน้า อารมณ์ทะลุปรอท ถ้าเป็นน้ำก็ต้มไข่สุกได้หลายฟองอ่ะ

ลงรถแกก็ใส่เลย. ..แถมยังเผื่อตอนอยู่บนรถไฟเข้าไปด้วย


         

5 พฤษภาคม 2558

จดหมายถึงยายจุ๋ม

ถึงยายจุ๋ม

ดอกแก้วในเช้าวันอังคาร
วันนี้วันอังคาร วันอังคารมันมีสีชมพูที่ดูอ่อนหวานอยู่เคียงคู่ ทำไมวันอังคารถึงต้องสีชมพู ยายรู้ไหม มันจะลองเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเหมือนวันจันทร์เพื่อนรักสักเดือนได้ไหม

ยาย..ดอกไม้ที่ยายซื้อมาฝากจากราบ 11 มันออกดอกเยอะเลยดอกแก้วไง ส่งกลิ่นหอมแข่งกันกับดอกโมกที่อยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ  จะสงสารก็แต่แม่ปลาบู่เพราะมันได้แต่อาศัยอยู่ในน้ำ ช่วงนี้ฝนตกน้ำในคลองเป็นสีชานมเลย การว่ายของมันคงลำบากนิดหน่อย ปลาเคยว่ายน้ำชนกันไหมอ่ะยาย แบบที่เราเห็นรถชนกันบนถนนบ้านเรานะ

ยายไม่ได้มาที่ทำงานนานแล้วน่ะแต่ที่ทำงานยังจ่ายเงินให้ยายทุกเดือนแถมขึ้นเงินเดือนให้ยายด้วย เจ๋งใช่ม๊า

เมื่อวันก่อน ผอ. ให้ตรวจแก้หนังสือแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังจะจัดพิมพ์ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษคิดถึงยายเป็นบ้าเลย จริงจริงน่ะ ถ้ายายยังอยู่ที่ทำงานเราคงได้ช่วยกันตรวจสนุกไปเลย
 

ถ่ายภาพดอกแก้วมาฝากด้วยน่ะส่วนกลิ่นหอมของมันยายสามารถหาดมได้ตามร้านขายดอกแก้วทั่วไปน่ะ

ปล.ตอนนี้หนังสือเล่มนั้นพิมพ์ออกมาเรียบร้อยล่ะ ปรากฏผลคือไม่มีการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้นในส่วนที่เค้าแจ้งไป เมื่อแต่การปรับภาพที่เอียงให้ตรงก็ไม่ทำ..........

4 พฤษภาคม 2558

ต้นมะดันกับความทรงจำ

วันจันทร์ได้หยุด1วันเลยถือโอกาสพาแม่มาเยี่ยมป้าเสียหน่อย
ปกติถ้ามาเองก้จะแวะมาตอนค่ำ..ทำให้มองบริเวณรอบๆได้ไม่ชัดนัก
ต้นมะดันต้นใหญ่สีดำตะคุ่มๆ มันยืนต้นมานานกว่า10ปีแล้ว

ต้นมะดัน
พอเห็นก็เลยนึกไปถึงด็กวัยรุ่นนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าบ้าน บางครั้งก็หาไม้มาสอยลูกมะดันไปทำแกงใส่น้ำพริกบ้าง และมดที่ไต่ลงมา เราชอบดูมันเดิน เรียงเป็นระเบียบสวยงาม บางทีจิตใจเกเรก็สั่งให้เราจับมดมาดึงหนวดแล้วดูว่ามันจะไปอย่างไงต่อ แต่ที่เราชอบคือการทำลายเส้นทางเดินของพวกมันด้วยการเอาผ้าเปียกน้ำมาเช็ดตัดเส้นทางเดิน เจ้าตัวที่โชคร้าย...ที่มาบริเวณนั้นพอดีจะเดินปั่นป่วนวนไปวนมาเพื่อหาทางเชื่อม แต่ไม่นานมันก็จะเชื่อมได้เสมอ เฟี้ยวฟ้าวฟรุ้งฟริ้งมาก แล้วก็มีบางครั้งที่เราพลาดทำมันตายบ้าง มดที่ตายจะถูกมดตัวอื่นช่วยกันหามกลับไป เราคิดว่ามันจะต้องบอกกันไปต่อๆว่ามีสัตว์ประหลาดร่างยักษ์อาละวาดฆ่าพวกมันตายอยู่แถวทางเชื่อมสายใดสักสายหนึ่งถ้ามันเกิดมีชื่อเรียกอะน่ะ แต่เราก็เสียใจและเลิกทำแบบนั้นหลังจากมันตายไปสองสามตัว

ตอนนี้มดพวกนั้นหายไปหมดแล้วเหลือแต่มดรุ่นใหม่และมันคงเรียนรู้ว่าไม่ควรลงมาบริเวณที่นั่งใต้ต้นมะดัน ซึ่งต้นมะดันเองมันก็ต้นใหญ่ละ ที่สำคัญมันสวยมากแผ่กิ่งก้านสาขาดูร่มเย็นทีเดียว

3 พฤษภาคม 2558

หนึ่ง..วันอาทิตย์สีแดง

เมื่อเห็นสีแดง..เราคิดถึงอะไรได้บ้าง...หลานชายเราบอกแกมท่องแบบไม่ต้องคิดเลย
หนึ่งวันอาทิตย์สีแดง ส่วนไอ้อ้วนน้องเราบอกคิดถึงแตงโม แอปเปิ้ล ดวงอาทิตย์ ไฟ ไม่น่าแปลกใจ
ที่เจ้าหล่อนยังคงน้ำหนักแบบรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลงงงง

ส่วนเช้านี้เราคิดถึงความรัก...เช้าวันอาทิตย์กับการนั่งกินข้าวไปคิดถึงความรักไป..ก็ทำให้แกงเขียวหวานผัด(ทำเอง) อร่อยขึ้น


ความรักคืออะไร
คำถามที่มีคำตอบเป็นร้อยเป็นพัน...แต่ความรักก็ยังจัดอยู่ในหมวดอารมณ์  อารมณ์คนเราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา รักวันนี้พรุ่งนี้เลิก..แบบนี้ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่..แต่ถ้ารักวันนี้อีกสองเดือนเลิกก็เริ่มเจ็บนิดๆละ...ต่างจากน้ำหนักที่ขึ้นง่ายลงยาก รักแล้วรักเลย

แรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน
พอนานนานแม้น้ำตาลยังขื่นขม
แม้อยู่ไปคงไม่รอดไม่กอดดม
เกิดรอยช้ำ ดำตรมในหัวใจ








2 พฤษภาคม 2558

สิ่งที่หายไป..เป็นของหรือเป็นฉันเอง

ของชิ้นไหนที่จะเป็นของเรามันก็จะมาเป็นของเราไม่วันใดก็วันนึง...ไม่ช้าก็เร็ว

สิ่งใดที่ไม่ใช่ของเราหากมันบังเอิญมาอยู่ที่เรามันก็จะต้องออกไปจากเราในวันใดวันนึง

ไม่ช้าก็เรา

หลายปีมีแล้วเรามีของชิ้นนึงที่กล้าพูดว่าชอบมาก...กระเป๋าใส่ดินสอ ภู่กันเบอร์ต่างๆ
ใช่..แล้วมันบรรจุอุปกรณ์ที่เรารักและอดค่าขนมมาซื้อหลายสิบชิ้น....จู่ๆมันก็หายไปจากกระเป๋า
เป้...หายไปจากตู้หนังสือ...หายไปจากลิ้นชัก...หายไปจากเรา..
เรา..หา..จนทั่วห้อง...ทั้งที่บ้าน..และทุกที่ที่สงสัย...แต่มันไม่อยู่ในทุกที่ที่เราตามหา

มันหายไป...มันหายไปได้อย่างไร

เรายังตามหา...แล้วก้เริ่มเหลือแค่อยากเจอ...แล้วก็เริ่มทำใจ...และก็เริ่มไม่คิดถึงมัน
เราเริ่มมีอุปกรณ์ชิ้นใหม่...ถึงจะไม่มีความรู้สึกหวงแหนเท่า...แต่มันก็เป็นอุปกรณ์แบบเดียวกันหรืออาจจะผลิตมาในเวลาใกล้เคียงกันบางครั้งอาจนอนมาในกล่องบรรจุใหญ่ใบเดียวกันก็ยังได้

หลายเดือนผ่านไปชั้นจัดหนังสือ...และห้องใหม่..ชั้นพบเจ้ากระเป๋าดินสอนอนรอเราอย่างอดทนอยู่ริมผนัง...สภาพของมันเต็มไปด้วยฝุ่นผง...สกปรก...ชั้นหยิบมันขึ้นมา...ปัดเป่่าจนสะอาดแล้วเปิดดู
ทุกอย่างในนั้นยังเหมือนเดิม...เราดีใจที่ได้เจอกัน

เราหยิบมันเก็บไว้ในตู้...
แต่เรารู้ว่าเราตายจากกันเสียแล้ว....สิ่งที่หายไปเป็นของชิ้นนั้นหรือเป็นฉันเอง...