18 พฤษภาคม 2558

ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ...อยู่ๆ มันก็หายไปเอง

ครั้งที่แล้ว เรื่องปัญหาผมร่วงของยาย..หายไป ได้เล่าค้างไว้ว่าการกลับจากสำรวจภวคสนามมีเรื่องน่าดีใจอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ..ก้อนนุ่มๆ ขนาดเท่าลูกปัดที่ติดอยู่ที่ข้อมือข้างซ้ายของเราหายไป....เย้ ดีใจมากยิ่งกว่าได้ทอง...แต่ถ้าได้ทองด้วยและก้อนถุงน้ำที่ข้อมือหายไปด้วยก็จะดีใจยกกำลังสองค่ะ

เล่าหน่อยละกันว่ามันมาได้อย่างไรไอ้ก้อนที่ว่าเนี่ย น่าจะเป็นช่วงเกือบ 3 ปีที่แล้วหลังจากหายจากอาการเคล็ดข้อมือ ที่มีอาการเรื้อรังอยู่นาน จนวันนึงเราไปบ้านป้า
ป้าก็ถามว่า ข้อมือที่เคล็ดหายรึยัง
เราบอกว่า ยังไม่หายเลย บางทีเผลอเท้าแขนลงน้ำหนักไปก็จะแปล่บไปทั้งแขนเลย
ป้าก็ว่าขอดูหน่อย
เสร็จแล้วก็จับที่เส้นเอ็นบริเวณข้อมือ แล้วนวดให้แกกดนิ้วรีดไปตามเส้นเอ็น และก็บอกว่าเส้นเอ็นมันแข็ง ดิ้นไปมาดังกึบๆ เลยน่ะเนี่ย ต้องนวดให้มันนุ่ม เราเจ็บมากที่สุดแทบน้ำตาไหล แต่แกบอกว่าต้องทนเจ็บถ้าอยากหาย
แล้วแกก็นวดต่อไป พอเสร็จแล้วก็ไปเอาใบพลับพลึงมาลนไฟ พอให้ร้อนๆ แล้วมาพันแขนซ้ายของเรา

หลังจากวันนั้นเราก็ลืมมันไปอาจจะเป็นเพราะมันหายหรืออาการชินเพราะเป็นมานานก็ไม่ทราบ หลายเดือนต่อมาเราเพิ่งสังเกตุเห็นว่าข้อมือเราหายเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เส้นเอ็นที่ปูดขึ้นมาพอเอานิ้วจับแล้วมันดิ้นไปมานั่นก็จมหายไปในข้อมือเราแล้วด้วย


เจ้าก้อนลูกปัดอยู่ในวงกลมสีแดงค่ะ ภาพนี้ถ่ายเมื่อปลายปีที่แล้ว

แต่.....แต่มีก้อนอะไรปูดออกมาขนาดเท่ากับเม็ดลูกปัดที่บอกไปแล้ว ขึ้นมาแทน ตอนนั้นก็ตกใจเพราะกดแล้วแข็งๆ เข้าใจว่าเป็นกระดูก เลยรีบพาแขนซ้ายไปหาหมอ นั่งรอคิวด้วยสิทธิประกันสังคมสองชั่วโมงกระมังกว่าจะได้พบหมอ จึงได้รู้ว่ามันเป็นของเหลวที่ออกมาจุกรวมกันเป็นก้อน  เราไม่ได้บอกหมอน่ะ ว่าเราเป็นอะไรมาก่อน แต่จากที่หมอบอกสาเหตุของการเกิดให้ฟังเราก็คิดว่าน่าจะมาจากการเคล็ดข้อมือของเรานั่นแหละ เพราะข้อมูลซ้ายของเราก็ไม่ได้ใช้งานหนักอะไร หมอบอกถ้ามันมีขนาดใหญ่ขึ้นก็กลับมาหาหมอใหม่ จะผ่าให้....เย้ย จะดีหรอ...
หลังจากนั้นเราก็เฝ้าดูอาการ...มันไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่เท่าเดิม และอยู่กับเราจนคุ้นชิน เราย้ายนาฬิกามาไว้ข้อมือขวา เพื่อจะได้ไม่ไปกดทับเจ้าลูกปัดนั่น

และเมื่อถึงเวลามันก็หายไป..โดยไม่ทิ้งข้อความบอกเราเลยสักนิด เราไม่เคยรู้และไม่เคยคิดว่าอาการนี้มันจะหายได้เอง น่าเสียดายที่เราก็ไม่ได้ถามหมอด้วยสิ ในเรื่องนี้

เรื่องมีอยู่ว่าเราไปสำรวจภาคสนามจังหวัดศรีษะเกษ ซึ่งเราก็ถือโอกาสควบคุมอาหารด้วย ฮิฮิ เพราะรูปร่างชักจะใหญ่โตมากเกินไปหน่อย เสื้อผ้าที่เคยใส่ก็พากันหดเล็กลงจนรัดติ้ว

มื้ออาหารของเราส่วนใหญ่จะเป็นไข่ ผักใบเขียว ปลา กุ้ง (ปกติเราไม่ค่อยกินกุ้งน่ะ) แต่เรากินกระเพราะกุ้งที่นี้อร่อยดี ก็เลยกินบ่อยหน่อย  น้ำผึ้งกินตอนเช้ากับก่อนนอน และงาดำ มายบาซินซิงค์ด้วย เรากินติดต่อกันประมาณสี่ห่อ หรืออาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย เพราะอยากลองว่าผมจะหยุดร่วงไหม โยเกริต ออกกำลังกาย สองวันครั้งๆ ละครึ่งชั่วโมงเป็นเวลาทั้งสิ้น 20 กว่าวัน


กลับมากรุงเทพ เราก็ยังไม่ได้เห็นว่าลูกปัดนั้นยังอยู่ไหม จนผ่านมาประมาณเกือบสัปดาห์เราก็ประหลาดใจบวกดีใจในสิ่งที่พบคือ ลูกปัดนั้นหายไป เราเคยคิดว่าจะต้องอยู่กับมันตลอดไป และเคยคิดว่าจะเอาเข็มฉีดยาดูดออก แต่เราไม่กล้าหรอกนะ แค่คิดเล่นๆ ไปงั้นน่ะ  แล้วมาตอนนี้มันหายไป

เราเล่าเรื่องนี้ให้ยายจุ๋มฟัง แกบอกว่าเป็นเพราะเธอไม่กินเนื้อสัตว์ไง!!!

ก็อาจจะใช่น่ะ เพราะช่วงนั้นเราก็ไม่กินเนื้อสัตว์ จะมีก็แค่ปลากับกุ้ง แต่ที่เราเขียนเล่าว่าถึงอาหารที่เรากินในช่วงนั้นมาด้วยก็เพราะเราคิดว่ามันอาจจะพอมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ หรือใครที่กำลังเป็นเหมือนเราอยู่  หากจะลองดูก็น่าจะไม่เสียหาย และถ้ามันหายได้เหมือนกัน ก็จะเป็นประโยชน์มาก ก่อนหน้านี้เราก็เสิร์ช หาวิธีรักษาจากในเน็ทมาเป็นแนวทางเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเจ็บตัวน่ะ เพราะไอ้เจ้าก้อนนี้มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแค่มันทำให้ข้อมือดูปูดโปนเท่านั้นเอง......

แล้วถ้าหากเพื่อนคนใดได้ลองแล้วทราบสาเหตุที่ทำให้ก้อนลูกปัดหายไป รบกวนเล่าให้เราฟังด้วยน่ะ...เออ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น